คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4577/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ซึ่งบัญญัติเรื่องค่าทดแทนไว้ในข้อ 76 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530มาตรา 21 บัญญัติตรงกันว่า ถ้า พ.ร.บ. เวนคืนอสังหาริมทรัพย์มิได้บัญญัติเรื่องเงินค่าทดแทนไว้ ก็ต้องกำหนดเงินค่าทดแทนตามราคาในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาเมื่อการเวนคืนที่ดินของโจทก์มิได้มี พ.ร.บ. เวนคืนอสังหาริมทรัพย์บัญญัติเรื่องเงินค่าทดแทนไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้หลักเกณฑ์กำหนดค่าทดแทนในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา และในการกำหนดค่าทดแทนนี้เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีประกาศกระทรวงคมนาคมลงวันที่ 23 กันยายน 2525 กำหนดให้ทางหลวงพิเศษที่จะสร้างเป็นทางหลวงที่มีความจำเป็นต้องสร้างโดยเร่งด่วน ซึ่งตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 นั้น การกำหนดค่าทดแทนจะต้องมีการตกลงกัน หากตกลงกันในจำนวนค่าทดแทนไม่ได้ เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหา-ริมทรัพย์จึงจะกำหนดค่าทดแทน ดังนั้นขั้นตอนในการกำหนดค่าทดแทนจะเสร็จสิ้นก็ต่อเมื่อโจทก์ได้ทราบกำหนดราคาค่าทดแทนแล้ว เมื่อการตกลงราคาและการกำหนดค่าทดแทนได้กระทำขึ้นหลังจากที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 63ถึงข้อ 80 ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 แล้ว และพ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มีผลใช้บังคับอยู่ ดังนั้นการกำหนดค่าทดแทนสำหรับที่ดินของโจทก์ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้นในขณะที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มีผลบังคับ จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 21 ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 36วรรคสอง
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงพิเศษสายพระประแดง – บางแค -ตลิ่งชัน – บางบัวทอง ตอนพระประแดง – บางแค – ตลิ่งชัน พ.ศ. 2523 ได้กำหนดค่าทดแทนที่ดินเพื่อถือจ่ายให้เจ้าของที่ดินโดยให้ถือตามราคาที่ดินตามบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ปี 2522 ซึ่งไม่ใช่ราคาค่าทดแทนที่ดินตามที่คณะกรรมการปรองดองเพื่อพิจารณาค่าทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน เนื่องในการสร้างทางหลวงพิเศษดังกล่าวพิจารณากำหนดราคาค่าทดแทนที่จำเลยที่ 3กำหนดให้โจทก์สำหรับที่ดินของโจทก์ทั้ง 3 แปลง มิได้คำนึงถึงราคาแท้จริงที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงพิเศษสายดังกล่าว พ.ศ. 2523 ใช้บังคับและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนที่ พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 21 กำหนดไว้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 2 เป็นผู้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการปรองดองเพื่อพิจารณาค่าทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์สินเนื่องในการสร้างทางหลวงพิเศษ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่กำหนดราคาเบื้องต้นของอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนและจำนวนเงินค่าทดแทนที่จะให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ที่ไม่พอใจในราคาของอสังหาริมทรัพย์หรือจำนวนเงินค่าทดแทนที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหา-ริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 และโจทก์ก็ได้อุทธรณ์การกำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ทั้งสามแปลงต่อจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 2 มิได้พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แล้วเสร็จในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งมีผลเท่ากับเห็นด้วยกับจำเลยที่ 3 ในการกำหนดค่าทดแทนสำหรับที่ดินของโจทก์ทั้งสามแปลง ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2มีส่วนกระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ได้

Share