แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความระบุชื่อจำเลยว่า ห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ที่ 1 จำเลย หน้าคำฟ้องก็ระบุว่าโจทก์ขอยื่นฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 แต่คำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งประทับตราห้างฯ อ. ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวซึ่งจ่ายมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการฟ้องห้างฯ อ. โดย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 1 และ ส. ในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งได้ประทับตราของห้างหุ้น่สวนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยจำเลยที่ ๑ ในฐานหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุว่าเช็คเขียนสั่งจ่ายไม่ถูกต้อง แสดงว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คโดยมีเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์มอบอำนาจให้นายเวียงฟ้องคดีนี้แทนตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดดันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะข้อหาของนายสุรพลในฐานะส่วน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายสุรพลจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ลงโทษจำคุก
นายสุรพลจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายสุรพลจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาที่ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาของนายสุรพลในฐานะส่วนตัว เป็นคำสั่งที่มิชอบเพราะโจทก์มิได้ฟ้องนายสุรพลเป็นจำเลยด้วยนั้น เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ตรงช่องคู่ความมีข้อความระบุว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยนายสุรพล บุญชู หุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวจำเลยที่ ๑ พอเข้าใจได้ว่าโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยนายสุรพลหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นจำเลยที่ ๑ และนายสุรพลในฐานะส่วนตัวเป็นจำเลยที่ ๒ แม้โจทก์จะกล่าวรวมกันมาเป็นจำเลยที่ ๑ แต่ในการบรรยายฟ้องตอนต่อมากล่าวว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยเช็คได้ประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น ซึ่งมีจำเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อในฐานหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวสั่งจ่ายเช็คมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ข้อความที่กล่าวมานี้พอเข้าใจได้ว่าเช็ครายพิพาทที่ออกชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเช็คของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส บี ทัวร์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น ซึ่งนายสุรพลได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นการฟ้องจำเลยรวมสองคนมิใช่คนเดียว ส่วนฎีกาของจำเลยที่ให้ถือเอาหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.๑ ที่โจทก์ส่งอ้างในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง อันเป็นหนัสือมอบอำนาจท้ายฟ้องในคดีอื่นซึ่งมิได้ระบุมอบอำนาจให้นายสุรพลมาเป็นหลักวินิจฉัยในเรื่องนี้ เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาของนายสุรพลในฐานะส่วนตัวไว้พิจารณาจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน