คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4563/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 ถอดกางเกงเดินเข้าไปเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายในขณะที่ผู้ตายไม่ได้สวมกางเกงและยืนพิงลูกกรงระเบียงซึ่งสูงเพียงก้น โดยผู้ตายมิได้ยินยอมที่จะให้จำเลยที่ 1 กระทำชำเรานั้น จำเลยที่ 1 ย่อมเล็งเห็นได้ว่าหากผู้ตายหลบหลีกขัดขืนมิให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราแล้วอาจจะตกลงไปจากระเบียงอาคารโรงเรียนถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้ตายดิ้นรนขัดขืนเพื่อมิให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราจนผู้ตายพลัดตกลงไปจากระเบียงอาคารโรงเรียนจนได้รับบาดเจ็บและตายในเวลาต่อมา จึงเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำของจำเลยที่ 1 อันเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กระทำอนาจาร พยายามข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสามขึ้นไปบนอาคารโรงเรียนพร้อมกัน ขณะที่จำเลยที่ 1 เดินเข้าไปเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยืนอยู่ข้างหน้าพยานโจทก์ซึ่งยืนอยู่ห่างผู้ตายประมาณ 1 วา พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมหรือสนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง, 80, 278, 288, 310, 83, 91
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง, 80, 278, 288, 310, 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกคนละ (ที่ถูกจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ) 20 ปี จำเลยที่ 2 อายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 10 ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ประกอบมาตรา 80, มาตรา 278 และมาตรา 291 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยที่ 1 อายุ 18 ปีเศษ มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้วไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำมีลักษณะร้ายแรงกิอให้เกิดผลร้ายจนผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ให้ลงโทษสถานหนัก จำคุก 10 ข้อหาอื่นให้ยก และยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ถอดกางเกงเดินเข้าไปเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายในขณะที่ผู้ตายไม่ได้สวมกางเกงและยืนพิงลูกกรงระเบียงซึ่งสูงเพียงก้น โดยผู้ตายมิได้ยินยอมที่จะให้จำเลยที่ 1 กระทำชำเรานั้น จำเลยที่ 1 ย่อมเล็งเห็นได้ว่าหากผู้ตายหลบหนีขัดขืนมิให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราแล้วอาจจะตกลงไปจากระเบียงอาคารโรงเรียนถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้ตายดิ้นรนขัดขืนเพื่อมิให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราจนผู้ตายพลัดตกลงไปจากระเบียงอาคารโรงเรียนจนได้รับบาดเจ็บและตายในเวลาต่อมา จึงเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำของจำเลยที่ 1 อันเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย พยานฐานที่อยู่จำเลยไม่มีน้ำหนักพอฟังหักล้างพยานโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กระทำอนาจาร พยายามข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้อื่น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่มีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น ได้ความจากคำเบิกความของนายธวัชพยานโจทก์เพียงว่า จำเลยทั้งสามขึ้นไปบนอาคารเรียนพร้อมกัน ขณะที่จำเลยที่ 1 เดินเข้าไปเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยืนอยู่ข้างหน้าพยานและพยานยืนอยู่ห่างจากผู้ตายประมาณ 1 วา พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมหรือสนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ประกอบมาตรา 80, มาตรา 278, มาตรา 288 และมาตรา 310 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share