คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ได้ย้ายภูมิลำเนาไปแล้วก่อนมีการปิดหมายแจ้ง วันนัดฟังคำพิพากษา แม้จะปิดหมายครบ 15 วันแล้วก็ไม่มีผล ใช้ได้ตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดโดยชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจาก ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลยทั้งสองตามฟ้องแย้งพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลยทั้งสองโจทก์อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาเสร็จได้ส่งสำนวนพร้อมซองคำพิพากษาไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์โดยการปิดหมายณ ภูมิลำเนาของทนายโจทก์ตามที่ปรากฏหลักฐานในใบแต่งทนายความครั้นถึงวันนัดโจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ไปศาล ศาลชั้นต้น จึงงดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยถือว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้อ่านให้โจทก์และจำเลยทั้งสองฟังโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่า การปิดหมายแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์ทราบนั้นไม่ชอบ เพราะทนายโจทก์ย้ายไปจากบ้านที่ปิดหมายนั้นแล้ว ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เพื่อโจทก์จะได้ใช้สิทธิฎีกาต่อไป
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งว่า ได้ส่งหมายนัดตามที่อยู่ของทนายโจทก์ที่ให้ไว้ในแต่งทนายความ จึงไม่มีเหตุอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่ให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าการส่งหมายนัดแจ้งให้คู่ความทราบโดยการปิดหมายตามคำสั่งศาลนั้น หากเป็นการปิดหมาย ณ ภูมิลำเนา ของคู่ความตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนโดยไม่ปรากฏว่าคู่ความนั้น ได้ย้ายไปจากภูมิลำเนานั้นก่อนแล้ว ย่อมเป็นการส่งโดยชอบ และ เมื่อครบกำหนดเวลา 15 วันแล้ว ย่อมมีผลใช้ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสอง แต่กรณีของ โจทก์แม้จะได้ส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์ทราบโดยการปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาของทนายโจทก์ตามหลักฐานใบแต่งทนายความ แต่ตามรายงาน การเดินหมาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2533 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า ในการส่งหมายนัดนี้ไม่พบทนายโจทก์ พบแต่บ้านปิดประตูใส่กุญแจไว้ ได้สอบถามผู้ที่อยู่ในบ้านใกล้เคียง แจ้งว่าทนายโจทก์ได้ย้าย ไปแล้ว จึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล ดังนี้ หากข้อเท็จจริงฟังได้ ตามรายงานการเดินหมายดังกล่าวย่อมเป็นกรณีที่ทนายโจทก์ได้ย้าย ภูมิลำเนาไปแล้วก่อนมีการปิดหมายนัด แม้จะเปิดหมายครบ 15 วัน แล้วก็ไม่มีผลใช้ได้ตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัด โดยชอบ แต่ข้อเท็จจริงตามคำร้อง ของ โจทก์นั้น ศาลชั้นต้นยังมิได้ ส่งสำเนาให้จำเลยและทำการไต่สวนว่าความจริงเป็นประการใด ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปได้ว่า ทนายโจทก์ได้ย้ายภูมิลำเนาไปแล้วก่อนมีการปิดหมายนัดหรือไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าได้ส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์โดยชอบ โดยมิได้ไต่สวนคำร้อง ของ โจทก์ให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อนนั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา”
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยและไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้อง ของ โจทก์และมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share