คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4556/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ที่ผู้ร้องเรียกให้ผู้คัดค้านชำระเข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่1ในคดีนี้กับหนี้ที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านไม่ได้เป็นหนี้ลูกหนี้ที่1ในอีกคดีหนึ่งนั้นเป็นหนี้รายเดียวกันคือเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ผู้คัดค้านออกให้ลูกหนี้ที่1ในการกู้ยืมเงินและคดีมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าผู้คัดค้านจะต้องชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับดังกล่าวหรือไม่เมื่อปรากฏว่าคดีที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านไม่ได้เป็นลูกหนี้ที่1ถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาได้วินิจฉัยเกี่ยวกับหนี้รายนี้ว่าลูกหนี้ที่1ได้ตกลงไม่เรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแล้วไม่ว่ากรณีใดๆการที่ผู้ร้องมาร้องเป็นคดีนี้จึงเป็นการรื้อร้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันเป็นการร้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148ประกอบกับพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา153

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งสองขอให้ล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ทั้งสองล้มละลายผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการที่ลูกหนี้ที่ 1 สละสิทธิเรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้และให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับเลขที่ ก.ท.214-001-26 จำนวนเงิน 5,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าผู้คัดค้านมิได้เป็นหนี้ลูกหนี้ที่ 1 ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ก.ท.214-001-26 และให้จำหน่ายชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีลูกหนี้ของลูกหนี้ที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4135/2532 การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการที่ลูกหนี้ที่ 1 สละสิทธิเรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ และให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวอีก จึงเป็นการร้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา 144 ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนการกระทำของลูกหนี้ที่ 1 ในการสละสิทธิเรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้และให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ ก.ท.214-001-26จำนวนเงิน 5,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้ที่ผู้ร้องเรียกให้ผู้คัดค้านชำระเข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ในคดีนี้ กับหนี้ที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านไม่ได้เป็นหนี้ลูกหนี้ที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4135/2532 นั้นเป็นหนี้รายเดียวกัน คือเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย ร.2 ที่ผู้คัดค้านออกให้ลูกหนี้ที่ 1 ในการกู้ยืมเงิน และคดีมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าผู้คัดค้านจะต้องชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับดังกล่าวหรือไม่ เมื่อปรากฏว่า คดีที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านไม่ได้เป็นหนี้ลูกหนี้ที่ 1 ถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาได้วินิจฉัยเกี่ยวกับหนี้รายนี้ว่า ลูกหนี้ที่ 1 ได้ตกลงไม่เรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแล้วไม่ว่ากรณีใด ๆ การที่ผู้ร้องมาร้องเป็นคดีนี้จึงเป็นการรื้อร้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันเป็นการร้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ประกอบกับพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153
พิพากษายืน

Share