คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4540/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมสรรพากรจำเลยสั่งยึดที่พิพาทโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ที่บัญญัติว่า “ภาษีอากรซึ่งต้องเสียหรือนำส่งตามลักษณะนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้ามิได้เสียหรือนำส่งให้ถือเป็นภาษีอากรค้าง” วรรคสอง บัญญัติว่า”เพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้างให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักรโดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อำนาจดังกล่าวอธิบดีจะมอบให้รองอธิบดีหรือสรรพากรเขตก็ได้” จำเลยจึงมีอำนาจสั่งยึดที่พิพาทอันเป็นทรัพย์สินของบริษัท บ. เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่บริษัทค้างชำระจำเลยได้ และตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ทวิ ได้บัญญัติบังคับไว้ว่า “เมื่อได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 12 แล้ว ห้ามผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดดังกล่าว” โจทก์อ้างสิทธิจากการซื้อขายที่ตกเป็นโมฆะ ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยถอนการยึดที่พิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ซื้อที่ดินมีโฉนด 1 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างจากบริษัทบวรนคร จำกัด โดยโจทก์ที่ 1 ชำระราคาให้บริษัทครบถ้วนแล้ว บริษัทได้ทำหนังสือมอบให้โจทก์ที่ 1 ไว้เพื่อทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ต่อมาโจทก์ที่ 1 ขายที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ที่ 2 โดยให้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จากบริษัทบวรนครจำกัด แทนโจทก์ที่ 1 แต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะแผนกสรรพากรอำเภอเมืองเชียงใหม่ยึดไว้และมีคำสั่งให้ระงับการจำหน่ายจ่ายโอนหรือทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวเนื่องจากบริษัทบวรนคร จำกัด ค้างชำระภาษีอากร ขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินดังกล่าว

จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทบวรนคร จำกัดบริษัทบวรนคร จำกัด ค้างชำระหนี้ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีกาคค้าปี พ.ศ. 2522 จำเลยจึงใช้อำนาจยึดที่พิพาทตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรมสรรพากร จำเลยสั่งยึดที่พิพาทโดยอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ที่บัญญัติว่า “ภาษีอากรซึ่งต้องเสียหรือนำส่งตามลักษณะนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้ามิได้เสียหรือนำส่งให้ถือเป็นภาษีอากรค้าง” วรรคสอง บัญญัติว่า “เพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้าง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักรโดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึด หรือสั่ง อำนาจดังกล่าวอธิบดีจะมอบให้รองอธิบดีหรือสรรพากรเขตก็ได้” ดังนั้น จำเลยจึงมีอำนาจสั่งยึดที่พิพาทอันเป็นทรัพย์สินของบริษัทบวรนคร จำกัด เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่บริษัท ค้างชำระจำเลยได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวซึ่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ทวิ ได้บัญญัติบังคับไว้ว่า “เมื่อได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 12 แล้ว ห้ามผู้ใด ทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดดังกล่าว” ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยถอนการยึดที่พิพาท

พิพากษายืน

Share