แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์และจำเลยเพียงแต่มีความเห็นขัดแย้งกันในทางความเห็นอันเกี่ยวแก่วิธีการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรการที่โจทก์ งดเว้นไม่ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งต่อจำเลยเป็น เรื่องโจทก์สมัครใจไม่ใช้สิทธิ ตามความเห็นของตนเองสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ไม่พอให้ถือว่า มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลย และกรณี ของโจทก์ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะต้อง ใช้สิทธิในทางศาลโจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ โจทก์ได้อ่านประกาศของจำเลยเรื่องวิธีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกอบกับได้ฟังคำชี้แจงด้วยวาจาของจำเลยได้ความว่า ผู้สมัครจะต้องนำใบรับรองของหัวหน้าพรรคการเมืองที่ผู้สมัครเป็นสมาชิก และพรรคการเมืองนั้นจะต้องมีสมาชิกได้รับการเลือกตั้งจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ด้วย จึงจะมีสิทธิสมัครในการเลือกตั้งแทนตำแหน่งของผู้แทนราษฎรที่ถึงแก่กรรม เป็นเหตุให้โจทก์สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ ประกาศและคำชี้แจงของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิทางการเมืองของโจทก์และเป็นการใช้กฎหมายย้อนหลัง การเลือกตั้งซ่อมดังกล่าวต้องถือว่ายังอยู่ในวาระเริ่มแรกตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2521 การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาว่าประกาศและคำชี้แจงของจำเลยตามคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามคำฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์เตรียมจะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์แทนตำแหน่งที่ว่างโดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ทั้งนี้โดยโจทก์เข้าใจว่าการเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างดังกล่าวอยู่ในวาระเริ่มแรกตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2521 เช่นเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 18เมษายน 2526 กล่าวคือผู้สมัครรับเลือกตั้งจะสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้และการเลือกตั้งเป็นแบบแบ่งเขต แต่เมื่อโจทก์ได้อ่านประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์จำเลยที่ 3 เรื่อง วิธีการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและฟังคำชี้แจงด้วยวาจาประกอบจากจำเลยที่ 3 กลับเป็นว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งจะต้องสังกัดพรรคการเมือง และพรรคการเมืองนั้นจะต้องมีสมาชิกได้รับเลือกตั้งจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ด้วยจึงจะมีสิทธิสมัคร โจทก์มิได้ยื่นใบสมัครต่อผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์และได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้กรณีเป็นที่เห็นได้ว่าในชั้นนี้โจทก์และจำเลยทั้งสามเพียงแต่มีความขัดแย้งกันในทางความเห็นอันเกี่ยวแก่วิธีการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์แทนตำแหน่งที่ว่าง การที่โจทก์งดเว้นไม่ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์จำเลยที่ 3 เป็นเรื่องโจทก์สมัครใจไม่ใช้สิทธิตามความเห็นของตนเอง สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ตามที่กล่าวมานี้ไม่พอให้ถือว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ในระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มีบทบัญญัติให้บุคคลใช้สิทธิทางศาลได้แต่เฉพาะในกรณีที่ผู้สมัครผู้ใดไม่มีรายชื่อเป็นผู้สมัครในประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดและการคัดค้านการเลือกตั้ง ตามมาตรา 25ประกอบกับมาตรา 22 และมาตรา 78 สำหรับกรณีของโจทก์บทกฎหมายดังกล่าวมิได้บัญญัติให้สิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะต้องใช้ในทางศาลไว้เลย โจทก์ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะนำคดีมาให้ศาลวินิจฉัยความเห็นอันแตกต่างขัดแย้งกันระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสาม
พิพากษายืน