แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่คู่ความจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอย่างไรบ้างนั้น จะดูเพียงหัวเรื่องที่หน้าอุทธรณ์ว่าอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยได้แยกเป็นข้อ ก. ปัญหาข้อเท็จจริง ข้อข.ปัญหาข้อกฎหมาย ในปัญหาข้อกฎหมายนั้นได้บรรยายว่า ตามที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยไม่ชอบด้วยเหตุผล และเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะพยานที่ศาลชั้นต้นสั่งตัดนั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคดี และได้กล่าวถึงข้อที่พยานเหล่านั้นจะมาเบิกความเกี่ยวกับประเด็นในคดีอย่างไร ดังนี้ เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งตัดพยานจำเลยแล้ว และเป็นการอุทธรณ์ คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณ เป็นราคาเงินได้และไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย จำเลยจึงคงเสียค่าขึ้นศาลแต่เพียงในคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตาม ตาราง 1(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจ รับพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำรถยนต์บรรทุกยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน ก.จ.๐๖๗๘๗ หมายเลขเครื่อง อี.เอช. ๑๐๐-๕๖๕๕๖ เลขคัสซี เค.ที. ๙๒๐-๑๐๑๒๘ ซึ่งเช่าซื้อจากบริษัทไทยฮีโน่มอเตอร์เซลล์ จำกัด ไปประกันภัยไว้กับจำเลย สัญญาว่าหากเกิดวินาศภัยขึ้นระหว่างอายุสัญญาเนื่องจากการลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์จำเลยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ระหว่างอายุสัญญาประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวถูกคนร้ายชิงทรัพย์ไป โจทก์แจ้งจำเลยแล้วจำเลยไม่ชำระค่าสินไหมทดแทน ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยรับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์คันหมายเลขเครื่องยนต์ อี.เอช. ๑๐๐-๖๘๓๗๓ หมายเลขคัสซี ๙๒๐-๑๒๒๒๙ ไม่ใช่คันที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ได้ใช้อุบายแจ้งเปลี่ยนแปลงเลขเครื่องยนต์เป็น อี.เอช. ๑๐๐-๕๖๕๕๖ และเลขคัสซีเป็นเค.ที. ๙๒๐-๑๐๑๒๘ และแจ้งว่าได้รับหมายเลขทะเบียนจากทางราชการเป็น ก.จ.๐๖๗๘๗ รถยนต์คันที่โจทก์นำมาประกันภัยกับจำเลย มิได้มีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขคัสซี และมีหมายเลขทะเบียนตามที่โจทก์แจ้งและมิได้ถูกชิงทรัพย์ไป โจทก์ทำอุบายเพื่อหวังเรียกร้องเงินตามสัญญาประกันภัยขอ ให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์จำนวน ๒๗๒๒๖๕.๒๕ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์ปรากฏชัดที่หน้าอุทธรณ์ว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาแต่อย่างเดียว โดยไม่ระบุว่าประสงค์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ทั้งจำเลยเสียค่าขึ้นศาลเฉพาะการอุทธรณ์คำพิพากษาในทุนทรัพย์ ๒๗๒๖๕๖.๒๕ บาท มาอย่างเดียวจำนวน ๖๘๑๗.๕๐ บาท การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ เห็นว่า การที่จำเลยจะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นอย่างไรบ้าง จะดูเพียงที่หัวเรื่องที่หน้าอุทธรณ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ อุทธรณ์ของจำเลยนั้นได้แยกเป็นข้อ ก. ปัญหาข้อเท็จจริง ข้อ ข. ปัญหาข้อกฎหมาย ในปัญหาข้อกฎหมายนั้น จำเลยบรรยายว่าตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยตามที่จำเลยได้ยื่นคำร้องไว้ ทั้งนี้ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเห็นว่าไม่ชอบด้วยเหตุผล และเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กล่าวคือ พยานที่ศาลชั้นต้นไม่ยอมให้จำเลยนำสืบ ล้วนแต่เป็นพยานสำคัญเกี่ยวแก่คดีโดยตรง และจำเลยได้กล่าวถึงว่าพยานที่ศาลชั้นต้นสั่งตัด จะมาเบิกความเกี่ยวกับประเด็นในคดีอย่างไร เห็นได้ว่า จำเลยได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งตัดพยานจำเลยแล้ว ส่วนที่จำเลยมิได้เสียค่าขึ้นศาลสำหรับการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งตัดพยานจำเลยนั้น เห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการอุทธรณ์คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย จำเลยจึงคงเสียค่าขึ้นศาลแต่เพียงในคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามตาราง ๑(๓) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง การที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย จึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน.