แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยรับว่าเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 504/2542 ของศาลชั้นต้น ดังนั้น จำเลยจึงเป็นผู้เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและมิใช่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 56 ที่ศาลฎีกาจะรอการลงโทษให้แก่จำเลย และที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยเป็นกักขังแทนนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
เมื่อจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและมิใช่โทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยเป็นกักขังแทน จึงไม่ชอบ แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้ฎีกาขอให้ลงโทษให้ถูกต้องศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขในเรื่องโทษได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบ 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้กักขังจำเลย 2 เดือน แทนโทษจำคุก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 ว่า จำเลยรับว่าเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 504/2542 ของศาลชั้นต้น ดังนั้น จำเลยจึงเป็นผู้เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและมิใช่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่ศาลฎีกาจะรอการลงโทษให้แก่จำเลย และที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยเป็นกักขังแทนนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง เมื่อปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและมิใช่โทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยเป็นกักขังแทน จึงมิชอบ แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้ฎีกาขอให้ลงโทษให้ถูกต้อง ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขในเรื่องโทษได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225”
พิพากษายืน