คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4533/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะกระทำความผิดจำเลยมีจิตบกพร่องแต่ยังสามารถรู้สึกผิดชอบหรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำเลยได้กระทำความผิดในคราวเดียวต่อเนื่องเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องปรับบทลงโทษจำเลยประกอบด้วย ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เพียงเป็นว่า ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นประกอบ ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง จึงไม่ถูกต้อง การปรับบทลงโทษแม้คู่ความจะมิได้ฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๗๑, ๓๙๒, ๘๐, ๙๑, ๓๓ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๕๗, ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ และมาตรา ๕๓, ๓๗๑, ๓๙๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน ฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ จำคุก ๑ เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มี โทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๔ เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ (๓) ข้อหาเสพแอมเฟตามีนให้ยก ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก ๒ ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก ๑ ปี รวมจำคุก ๓ ปี เมื่อรวมกับโทษฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตด้วยแล้วเป็นจำคุก ๓ ปี ๕ เดือน เห็นว่าจำเลยเป็นผู้มีจิตบกพร่องและไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนควรให้โอกาสจำเลยบำบัดรักษาเพื่อจะได้หายเป็นปกติและเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุกเห็นสมควรรอการลงโทษไว้ มีกำหนด ๓ ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ โดยให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติและไปบำบัดรักษาจิตใจที่โรงพยาบาลนิติจิตเวชโดยให้รายงานผลการรักษาต่อพนักงานคุมประพฤติ ๓ เดือนต่อครั้ง ภายในเวลาที่รอการ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เพียงเป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ฐานฆ่าผู้อื่นจำคุก ๒ ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก ๑ ปี ยังไม่ถูกต้องเพราะจำเลยได้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญและฐานพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นการกระทำความผิด ในคราวเดียวต่อเนื่องเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องปรับบทลงโทษจำเลยประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปด้วย และในความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสาม ยังไม่ถูกต้องที่ถูกจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง และศาลอุทธรณ์ภาค ๗ มิได้แก้ไข การปรับบทลงโทษแม้คู่ความจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐, ๓๙๒ และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง โดยทุกกระทงความผิดประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ด้วย รวมจำคุก ๓ ปี ๕ เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๓ ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้โดยให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติและไปบำบัดรักษาจิตใจที่โรงพยาบาล นิติจิตเวชโดยให้รายงานผลการรักษาต่อพนักงานคุมประพฤติ ๓ เดือนต่อครั้ง ภายในเวลาที่รอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗

Share