แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวมาในฟ้องแต่เพียงว่าตั้งแต่ ป. ถึงแก่ความตายจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้นได้เรียกให้ผู้จัดการมรดกของ ป.ส่งทรัพย์สินต่าง ๆ คืนให้แก่บริษัทตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าบริษัทไม่ยอมฟ้องร้องแต่อย่างใด โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นจะยกคดีขึ้นว่ากล่าวหาได้ไม่โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเหมืองแร่รวมโชคจำเลย มีนายประสิทธิ์ กุลวานิช เป็นกรรมการผู้จัดการจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายประสิทธิ์ซึ่งถึงแก่ความตายในขณะที่นายประสิทธิ์เป็นกรรมการผู้จัดการนายประสิทธิ์มิได้นำเงินของบริษัทส่งให้แก่บริษัทและไม่ได้โอนที่ดิน 2 แปลงให้แก่บริษัท ขอให้จำเลยส่งเงินและโอนที่ดิน 2 แปลงให้แก่บริษัทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์เป็นเพียงผู้ถือหุ้น ต้องรอให้มีการชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1249 ก่อน จึงจะเรียกร้องได้ และนายประสิทธิ์นำเงินส่วนตัวมาซื้อที่ดิน 2 แปลงและไม่ได้ค้างชำระเงินตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน450,000 บาท แก่บริษัทเหมืองแร่รวมโชค จำกัด พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2532 ไปจนกว่าจำเลยจะใช้เงินให้บริษัทเสร็จสิ้น คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในข้อแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ในข้อนี้โจทก์ได้บรรยายในฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทเหมืองแร่รวมโชค จำกัดนายประสิทธิ์ กุลวานิช กรรมการผู้จัดการของบริษัทได้นำเงินของบริษัทไปซื้อที่ดินโดยใส่ชื่อของตนในเอกสารสิทธิ์และได้ขายที่ดินบางแปลงกับขายขี้แร่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทไปแต่มิได้นำเงินส่งคืนแก่บริษัท ต่อมานายประสิทธิ์ถึงแก่ความตายโจทก์จึงฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายประสิทธิ์ให้รับผิดต่อบริษัทเห็นว่า โจทก์ฟ้องโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคแรกซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้” ซึ่งโจทก์กล่าวมาในฟ้องแต่เพียงว่า ตั้งแต่นายประสิทธิ์ถึงแก่ความตายจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้นได้เรียกให้ผู้จัดการมรดกของนายประสิทธิ์ส่งทรัพย์สินต่าง ๆ คืนให้แก่บริษัท กรณีนี้ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าบริษัทเหมืองแร่รวมโชค จำกัด ไม่ยอมฟ้องร้องแต่อย่างใด โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นจะยกคดีขึ้นว่ากล่าวหาได้ไม่โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหานี้แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้แต่เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษายืน