แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ม. ทนายจำเลยทั้งสองยังภูมิลำเนาแต่ไม่พบเนื่องจากสถานที่ดังกล่าวปิดประตูใส่กุญแจบุคคลข้างเคียงแจ้งว่าม.ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นแล้วพนักงานเดินหมายจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาลเห็นได้ชัดว่าม. ไม่อาจทราบนัดได้ถือว่าเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายให้ได้โดยวิธีธรรมดาควรส่งใหม่อีกครั้งหลังจากทราบแน่ชัดว่าภูมิลำเนาของม. ยังมิได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือควรสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดาประกอบกับยังมีตัวจำเลยทั้งสองคนศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะส่งหมายนัดให้แก่ตัวความทั้งสองทราบอีกชั้นหนึ่งด้วยดังนั้นการที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือว่าได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟังโดยชอบแล้วศาลฎีกาชอบที่จะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คและสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตกับทรัสต์รีสีทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535นั้น จำเลยทั้งสองไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังโดยถือว่าจำเลยทั้งสองทราบการอ่านคำพิพากษาแล้ว
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 22 สิงหาคม 2537 ว่าจำเลยทั้งสองเพิ่งทราบเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2537 ว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 แล้วจำเลยทั้งสองไม่ได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การที่พนักงานเดินหมายรายงานเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2535 ว่า ไปส่งหมายนัดให้แก่นายเมือง เตชะเกิดกมล ทนายความของจำเลยทั้งสองคนเดิม พบแต่ตึกแถวเลขที่ 1610 ตามภูมิลำเนาที่ระบุไว้แต่ปิดประตูใส่กุญแจ สอบถามบุคคลข้างเคียงได้ความว่านายเมืองย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นแล้วจึงได้ปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาลยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วการอ่านคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ขอศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่
ศาลชั้นต้น ยกคำร้อง
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าก่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาแก่คู่ความโดยนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไปส่งให้ทนายโจทก์ได้ ส่วนจำเลยทั้งสองมีรายงานการเดินหมายของพนักงานเดินหมายฉบับลงวันที่27 ตุลาคม 2535 ว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2535 ได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งแต่ไม่พบนายเมือง (ทนายจำเลยทั้งสอง)พบแต่ตึกแถวห้องเลขที่ดังกล่าวปิดประตูใส่กุญแจ สอบถามบุคคลข้างเคียงแจ้งว่า นายเมืองย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นแล้วจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังไปฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 โดยที่จำเลยทั้งสองไม่ทราบวันนัดและไม่มาศาลนั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การปฏิบัติของพนักงานเดินหมายได้กระทำไปตามคำสั่งศาลโดยได้ปิดหมายไว้ยังภูมิลำเนาของทนายจำเลยทั้งสองทั้งนี้เนื่องจากสถานที่นั้นปิดและไม่พบบุคคลใดที่จะรับหมายแทนความจริงปรากฎชัดตามรายงานเดินหมายว่า ทนายความของจำเลยทั้งสองได้ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นแล้ว กรณีเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าทนายความของจำเลยทั้งสองไม่อาจทราบนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ถือได้ว่าเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายให้ได้โดยวิธีธรรมดาควรส่งใหม่อีกครั้งหลังจากทราบแน่ชัดว่าภูมิลำเนาของทนายความคนดังกล่าวยังมิได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือควรสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ก็ได้ แต่สำหรับกรณีนี้เห็นได้ว่ายังมีตัวจำเลยทั้งสองคน เมื่อไม่สามารถแจ้งหมายนัดฟังคำพิพากษาให้แก่ทนายความของจำเลยทั้งสองก็น่าที่ศาลชั้นต้นจะได้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ตัวความทั้งสองทราบอีกชั้นหนึ่งด้วยเมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้ปรากฎชัดว่า พนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ทนายความของจำเลยทั้งสองณ สำนักงานของทนายจำเลยทั้งสองแต่ไม่พบตัวเนื่องจากย้ายสำนักงานไปแล้ว อีกทั้งมิได้มีการส่งหมายนัดดังกล่าวให้แก่ตัวความ จึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองรวมทั้งทนายความของจำเลยทั้งสองยังไม่ทราบวันนัดเพราะการปิดหมายของพนักงานเดินหมาย ณ สำนักงานทนายความของจำเลยทั้งสองซึ่งย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วนั้นเป็นการแจ้งวันนัดขัดต่อความเป็นจริง ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟังโดยชอบแล้ว ศาลฎีกาชอบที่จะเพิกถอนเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นในการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 ให้ศาลชั้นต้นนัดโจทก์และจำเลยทั้งสองมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่ต่อไป