คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4524/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้หนังสือรับรองการทำประโยชน์พิพาทมาจากการซื้อขายที่ดินจากโจทก์ มิใช่เป็นการได้รับมอบไว้จาก ท. ผู้ตายเพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินระหว่าง ท. กับจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงหนังสือรับรองการทำประโยชน์พิพาทไว้ได้โดยชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางทุม ดรปัดสาหรือดอนปัดสา เมื่อปี 2521 นางทุมกู้เงินจำเลยจำนวน 7,000 บาท โดยมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1196 ตำบลนาชุมแสง อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ให้ยึดถือไว้ หลังจากนางทุมตายโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางทุมติดต่อชำระหนี้และขอรับหนังสือรับรองการทำประโยชน์คืน แต่จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงมอบให้ทนายความนำเงินจำนวน 7,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี คิดย้อนหลัง 5 ปีเป็นเงิน 2,625 บาท รวมเป็นเงิน 9,625 บาท ส่งให้จำเลยทางไปรษณีย์ธนาณัติ จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นางทุมไม่เคยกู้ยืมเงินจำเลย หากแต่ฝ่ายตกลงขายที่ดินบางส่วนตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์พิพาทจำนวน 1 ไร่ ให้แก่จำเลย ในราคา 5,000 บาท เพื่อนำเงินไปรักษานางทุมซึ่งเจ็บป่วยและได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว ฝ่ายโจทก์โดยนางสุดใจ ดรปัดสา มอบหลักฐานที่ดินและส่งมอบการครอบครองที่ดินให้จำเลยทำประโยชน์ตลอดมา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1196 ตำบลนาชุมแสง อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น แก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 4,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้เป็นยุติได้ว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางทุม ดรปัดสาหรือดอนปัดสา ซึ่งถึงแก่ความตายเมื่อปี 2523 ตามสำเนาคำสั่งเอกสารหมาย จ. 3 นางทุมมีชื่อเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1196 ตำบลนาชุมแสง อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เอกสารหมาย ล. 2 แต่จำเลยเป็นผู้ยึดถือครอบครองหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2523 โดยความยินยอมของนางทุม คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยจะต้องส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย ล. 2 คืนให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนางทุมผู้ตายหรือไม่… เห็นว่า พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักมากกว่าพยานหลักฐานโจทก์ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้หนังสือรับรองการทำประโยชน์พิพาทมาจากการซื้อขายที่ดิน มิใช่เป็นการได้รับมอบไว้จากนางทุมผู้ตาย เพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินระหว่างนางทุมกับจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้าง จำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงหนังสือรับรองการทำประโยชน์พิพาทไว้ได้โดยชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับดังกล่าวมานั้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 3,000 บาท แทนจำเลย.

Share