คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3045/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่จับกุม พ. เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน ระหว่างทางผู้เสียหายกับพวกรุมทำร้าย พ. ครั้นจำเลยห้ามปรามผู้เสียหายกลับชกจำเลยล้มลง จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัด ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส เมื่อฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย นับได้ว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 69

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล ผู้เสียหายเพียงได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๙๑ และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อหาพยายามฆ่านั้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ ให้จำคุกจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่จับนายไพฑูรย์เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน ระหว่างทางผู้เสียหายกับพวกรุมทำร้ายนายไพฑูรย์ครั้นจำเลยห้ามปรามผู้เสียหายกลับชกจำเลยล้มลง จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหาย ๑ นัด ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีเพียงว่า การกระทำเพื่อป้องกันของจำเลยพอสมควรแก่เหตุหรือเกินสมควรแก่เหตุ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายซึ่งมิได้มีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยถึงขนาดเจตนาฆ่าหรือทำร้ายถึงสาหัส นับได้ว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๖๙
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย แต่ให้รอการลงโทษไว้

Share