แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่ถือว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒, ๓, ๕ ซึ่งรับราชการเป็นตำรวจประจำอยู่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายได้สมคบกันกับจำเลยที่ ๑, ๔ กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกะทง คือ เมื่อระหว่างเวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๔๘๘ ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๘๘ อันเป็นเวลากลางคืน ได้มีคนร้ายลักยางนอกและยางในรถยนต์อย่างละเส้น กับล้อรถยนตร์ ๑ อันรวมราคา ๑๕๐๐ บาทของนายเจียฮวดไป ตามวันเวลาที่กล่าวแล้วจนถึงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๘๘ เวลากลางวัน จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ กับพวกที่ยังจับตัวไม่ได้ ได้บังอาจรับทรัพย์ที่กล่าวนั้นไว้ในครอบครอง ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกสมคบกันลักมาหรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกได้รับไว้โดยรู้เป็นของร้าย และในวันที่ ๑๘ นั้นจำเลยที่ ๕ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนผู้กระทำผิดกฎหมาย จำเลยได้สืบสวนและรู้แน่ว่าจำเลยที่ ๑ กับพวกได้เป็นคนร้ายลักทรัพย์หรือรับของโจรรายนี้แทนที่จำเลยจะจัดการไปตามหน้าที่ จำเลยกลับบังอาจเพทุบายโดยจำเลยมิได้จับกุมจำเลยที่ ๑ แต่กลับสมคบกับจำเลยที่ ๑, ๔ เรียกค่าไถ่ทรัพย์รายนี้จากนายเจียฮวดเจ้าทรัพย์เป็นราคาทรัพย์ ๑๓๐๐ บาท และจำเลยได้รับเงินส่วนแบ่ง ๑๕๐ บาท ทั้งนี้ เป็นเครื่องอุปการะแก่การที่จำเลยให้คุณหรือให้โทษแก่จำเลยที่ ๑ กับพวก ในวันที่ ๑๘ เดือนเดียวกันเวลากลางวัน จำเลยที่ ๔, ๕ สมคบกับขำเลยที่ ๑ มีทรัพย์ของนายเจียฮวดไว้ในครอบครองโดยว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย แล้วสมคบกันเรียกค่าไถ่จากนายเจียฮวดเป็นเงิน ๑๓๐๐ บาท เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย จึงขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๙๓, ๒๙๔, ๓๒๑, ๑๓๗, ๑๓๘, ๑๔๙, ๑๔๖, ๖๓, ๗๐, ๗๑
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษฐานรับของโจรจำเลยที่ ๓, ๔, ๕ นั้นยืน
นายขันธ์ จำเลยที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้ออ้างของจำเลยที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็้นว่าฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้แล้ว ไม่เคลือบคลุมและฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์