คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าได้รับซื้อที่ดินจากจำเลย ๆ ได้มอบที่ดินให้โจทก์ปกครองเป็นเจ้าของมา 10 ปีเศษแล้ว แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าโจทก์ซื้อจากจำเลย ก็ยังต้องวินิจฉัยในประเด็นที่ว่าโจทก์ครอบครองที่นี้ตามความใน ป.ม.แพ่งฯ ม.1382 หรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้รับมฤกที่ดินจากมารดา ๒ แปลง จำเลยที่ ๑ ซึ่งปกครองที่รายนี้มาผู้เดียวได้ขายให้โจทก์ราคา ๑๓๐๐ บาท โจทก์ชำระเงินแล้ว ๖๐๐ บาท คงค้าง ๗๐๐ บาท จำเลยได้มอบที่ดินให้โจทก์ปกครองเป็นเจ้าของมาจนบัดนี้ ๑๒ ปีเศษแล้ว ยังมิได้ทำหนังสือซื้อขายให้ถูกต้อง ต่อมาจำเลยที่+ร้องขอรับมรดา โจทก์ทราบจึงได้เตือนให้จำเลยที่ ๑ จัดการโอน จำเลยที่ ๑ เพิกเฉย จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินราย+ตกเป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นไม่รับคำให้การของจำเลยที่ ๑ โดยถือว่าขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ที่ดินทั้ง ๒ แปลงนี้ จำเลยทั้ง ๒ ได้รับมฤดกจากมารดาและปกครองร่วมกันมาจำเลยที่ ๑ ให้โจทก์เช่าประมาณ ๗-๘ ปี ที่ว่าโจทก์ซื้อจากจำเลยที่ ๑ ไม่เป็นความจริง การซื้อขายไม่ชอบด้วยกฎหมายหากจะซื้อขายกันจริงก็ขายให้แต่ฉะเพาะส่วนของจำเลยที่ ๑ เท่านั้น
ศาลชั้นต้นฟังว่า ไม่มีการซื้อขาย ผลก็เท่ากับโจทก์สืบไม่สมฟ้อง โจทก์จะครอบครองมาเกิน ๑๐ ปีหรือไม่ก็ตามโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่รายนี้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้จะไม่ได้ความว่าโจทก์ซื้อจากจำเลยที่ ๑ ก็ยังไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้องเพราะยังมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ครอบครองที่นี้ถูกต้องตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๓๘๒ หรือไม่ จึงให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดประเด็นข้อหลังนี้ แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์อ้างการครอบครองโดยปรปักษ์เป็นประเด็นในคดีนี้ด้วยและจำเลยก็ได้สู้ความในข้อนี้ตลอดมา ศาลชั้นต้นต้องวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ด้วย จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share