แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาแบ่งขายที่ดินที่จำนองไว้ส่วนหนึ่ง ให้โจทก์โดยตกลงกับให้โจทก์+เงินจำนวนหนึ่งกับดอกเบี้ยให้แก่+มีเงื่อนไขว่าจะชำระดอกเบี้ยที่ค้างภายใน 6 เดือน ดอกเบี้ยงวดต่อไปจะชำระ 2 เดือนต่อครั้ง ถ้าไม่ชำระตามสัญญาเป็นอันว่าหมดสิทธิ
โจทก์ไปค้าต่างจังหวัดไม่ได้ชำระดอกเบี้ยตามกำหนด แต่ทั้งนี้+ผู้รับจำนองยินยอมผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย ถึงกำหนดแล้ว จำเลย +โอกาสในการที่โจทก์ค้างชำระดอกเบี้ย+ โดยรีบไปชำระแทนโจทก์ โดยมิได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบเสียก่อน ดังนี้จะถือว่าโจทก์+ หมดสิทธิในที่ดินตามสัญญาไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่า เมื่อเดือนกันยายน ๒๔๘๓ จำเลยได้แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งของจำเลยภายในเส้นสีแดง ในแผนที่ท้ายฟ้องให้แก่โจทก์ โดยตกลงให้โจทก์ชำระหนี้ซึ่งจำเลยจำนองที่ดินแปลงนั้นไว้แก่นางตีบ แต่ พ.ศ.๒๔๘๑ เป็นจำนวนเงิน ๓๐๐๐ บาท กับเสียดอกเบี้ยแทนจำเลยเดือนละ ๓๕ บาท โจทก์รับมอบที่ดินซึ่งมีห้องแถว ๒ ห้อง และโกดังเก็บของไว้จากจำเลย ต่อมาโจทก์ได้รื้อห้องแถว ๒ ห้องนั้น เพราะเก่าและชำรุด แล้วปลูกสร้างขึ้นใหม่เป็นร้านค้า ๒ ห้อง ๒ ชั้น กับทำห้องน้ำและห้องส้วม และซ่อมแซมโรงเก็บของที่ชำรุดเข้าครอบครองที่รายนี้ตลอดมา ต่อมาจำเลยได้รับโฉนดที่ดินและทำสัญญาที่หอทะเบียนจำนองไว้ต่อนางตีบ เป็นเงิน ๔๗๐๐ บาท
ครั้นวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๔๘๕ โจทก์จำเลยและนางตีบได้ทำหนังสือกันมีใจความว่า จำเลยยอมขายที่ให้โจทก์ ให้โจทก์แบ่งรับชำระหนี้จำนองแก่นางตีบเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยเดือนละ ๓๐ บาท โจทก์จำเลยช่วยกันชำระดอกเบี้ยที่ค้างเก่าคนละครึ่ง โจทก์จำเลยต่างก็บันทึกไว้ท้ายสัญญาว่า จะชำระดอกเบี้ยที่ค้าภายในหกเดือน ส่วนดอกเบี้ยงวดต่อไปจะชำระ ๒ เดือนต่อครั้ง ถ้าโจทก์ไม่ชำระตามสัญญาเป็นอันว่าหมดสิทธิ
เมื่อทำสัญญากันแล้ว โจทก์ได้ชำระดอกเบี้ยแก่นางตีบอีก ๔ ครั้ง รวมทั้งยอมช่วยรับใช้ดอกเบี้ยที่ค้างเก่า ๔๑๑ บาทด้วย ครั้งสุดท้ายชำระเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๔๘๗ และได้บอกแก่นางตีบไว้ว่าดอกเบี้ยครั้งหลังอย่าเพิ่งเร่ง เพราะจะเอารถออกไปเดินหัวเมือง นางตีบก็ยอม ต่อมานางเขียนภรรยาจำเลยซึ่งเป็นญาติกันกับโจทก์ได้จ่ายดอกเบี้ยในส่วนที่โจทก์จะต้องชำระไปชำระแก่นางตีบ ๒ ครั้งเป็นเงิน ๓๔๐ บาท
โจทก์ไปค้าต่างจังหวัด ๗ – ๘ เดือนก็กลับ นางตีบก็บอกว่านางเขียนใช้ดอกเบี้ยแทนแล้ว โจทก์จึงไปอีก ในระหว่างนี้จำเลยได้ฟ้องนางตีบให้รับไถ่ถอนจำนองไป แล้วไม่ยอมแบ่งขายที่ดินให้แก่โจทก์ โดยอ้างว่าโจทก์ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยตามสัญญา จึงหมดสิทธิ
โจทก์จึงมาฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกโฉนดให้โจทก์ตามที่ครอบครองมา และรับเงินค่าที่ดินตามสัญญา
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์เป็นฝ่ายไม่ปฎิบัติตามครบถ้วนตามเงื่อนไขในสัญญา จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหามีว่าโจทก์ผิดนัด หมดสิทธิหรือไม่ เมื่อพิเคราะห์ตามข้อสัญญาที่โจทก์จำเลยทำไว้ท้ายสัญญาดังกล่าวแล้ว แสดงให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่า โจทก์จะต้องชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ถ้าไม่ชำระก็หมดสิทธิ ข้อวินิจฉัยจึงมีว่า ถ้าดอกเบี้ยค้างชำระเกินกว่า ๒ เดือน จะเรียกว่าผิดนัดหมดสิทธิหรือไม่ ซึ่งได้ความว่า โจทก์ได้ขอผัดผ่อนแก่นางตีบไปว่า อย่าเพิ่งเร่งเรื่องดอกเบี้ย เพราะจะเอารถไปเดินต่างจังหวัด ซึ่งนางตีบก็ยินยอมการชำระดอกเบี้ยก็เคยติดค้างกันนาน ๆ เดือน และชำระกันเป็นเงินก้อนเป็นคราว ๆ มิได้เข้มงวดกวดขันตามกำหนด เวลากันตามกำหนดเวลา และปรากฎว่า นางตีบมิได้เร่งรัดดอกเบี้ยเพราะทรัพย์ที่จำนองมีราคาสูงขึ้น จำเลยไม่น่าจะร้อนรนในการที่โจทก์ค้างชำระดอกเบี้ย เหตุที่จำเลยถือโอกาศในการที่โจทก์ค้างชำระดอกเบี้ยแก่นางตีบ รับไปขอชำระดอกเบี้ยแทนโจทก์ โดยมิได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบเสียก่อน ก็เพราะที่ดินมีราคาสูงขึ้น แล้วจะถือเอาว่าโจทก์ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยให้แก่นางตีบ หมดสิทธิที่จะซื้อที่ดินตามสัญญา ซึ่งเป็นการพยายามเอาเงื่อนไขในสัญญามาใช้โดยไม่ชอบธรรม อันเป็นการผิดต่อเจตนาอันแท้จริงที่ได้ทำสัญญากันไว้นั้น หาได้ไม่ จึงพิพากษายืน.