คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลล่างทั้งสองมิได้สั่งริบของกลางซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดและที่ได้มาโดยได้กระทำความผิด แม้โจทก์จะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาเรื่องของกลางก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางมาแล้ว ทั้งมิใช่กรณีเพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาก็พิพากษาให้ริบของกลางได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 251, 252, 264, 265, 267, 268, 283 พระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 และริบหนังสือเดินทาง ใบเสร็จรับเงินกองคลังกระทรวงการต่างประเทศและใบรับคำขอมีบัตร มีบัตรใหม่หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก และมีความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 การกระทำของจำเลยดังกล่าวมีเจตนาเพียงประการเดียว เพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทาง จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265 อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลย 3 ปี คำขอนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แต่ที่ศาลล่างทั้งสองมิได้สั่งริบของกลางซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดและที่ได้มาโดยได้กระทำความผิดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะแม้โจทก์จะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาเรื่องของกลางก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีคำขอให้ริบของกลางมาแล้ว ทั้งมิใช่กรณีเพิ่มเติมโทษจำเลยก็ชอบที่จะต้องทำคำวินิจฉัยในเรื่องของกลางได้ด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบของกลางทั้งหมด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share