แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจดแจ้งรายงานไว้ด้านหลังคำพิพากษาว่า “นัดฟังคำพิพากษาฎีกาวันนี้ โจทก์ทั้งสามทราบนัดโดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาล จึงให้งดการอ่าน และถือว่าคำพิพากษาได้อ่านให้โจทก์ทั้งสามฟังตามกฎหมาย” กรณีดังกล่าวจึงถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่โจทก์ที่ 1 อ้างเหตุที่ไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเพราะเจ็บป่วย ก็ไม่เป็นเหตุให้ต้องมีการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์ที่ 1 ฟังใหม่ และถือว่าคดีถึงที่สุดในวันที่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้ว การที่โจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไกล่เกลี่ยในวันถัดจากวันที่คดีถึงที่สุด จึงไม่มีเหตุที่จะพิจารณาตามคำร้องของโจทก์ที่ 1 อีกต่อไป
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ทั้งสามยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคำฟ้องโจทก์ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 และมาตรา 172 จึงให้คืนคำฟ้องแก่โจทก์เพื่อทำมาใหม่ให้ถูกต้องตามมาตรา 18 ต่อมาโจทก์จึงทำคำฟ้องมายื่นใหม่ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางตรวจคำฟ้องฉบับที่โจทก์นำมายื่นใหม่แล้วมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล โดยเขียนฟุ่มเฟือยและไม่มีลายมือชื่อของคู่ความโดยครบถ้วน จึงไม่รับคำฟ้องของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์
โจทก์ทั้งสมอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องลงวันที่ 4 สิงหาคม 2549 เพื่อขอให้ไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความระหว่างคู่ความ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มีคำสั่งลงวันที่ 7 สิงหาคม 2549 ให้ยกคำร้องโดยวินิจฉัยว่าศาลยังมิได้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ต่อมาในสำนวนหลัก ศาลฎีกามีคำพิพากษายืน และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2549
วันที่ 29 สิงหาคม 2549 โจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไกล่เกลี่ยอีก ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้ยกคำร้อง
โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ไม่รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา โดยในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจดแจ้งรายงานไว้ด้านหลังคำพิพากษาศาลฎีกา “นัดฟังคำพิพากษาฎีกาวันนี้ โจทก์ทั้งสามทราบนัดโดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาล จึงให้งดการอ่านและถือว่าคำพิพากษาได้อ่านให้โจทก์ทั้งสามฟังตามกฎหมายแจ้งการอ่าน” กรณีดังกล่าวจึงถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2549 ส่วนที่โจทก์ที่ 1 อ้างเหตุที่ไม่ไปฟังคำพิพากษาฎีกาเพราะเจ็บป่วยก็ไม่เป็นเหตุให้ต้องมีการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์ที่ 1 ฟังใหม่แต่ประการใด และถือว่าคดีถึงที่สุดในวันที่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้ว ดังนี้การที่โจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไกล่เกลี่ยในวันถัดจากวันที่คดีถึงที่สุด จึงไม่มีเหตุที่จะพิจารณาตามคำร้องของโจทก์ที่ 1 ขอให้ไกล่เกลี่ยเพื่อการประนีประนอมอีกต่อไป ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.