คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 4,818,750 บาท พร้อมยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลกึ่งหนึ่ง เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น จึงผูกพันโจทก์ที่จะต้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่งที่โจทก์ต้องชำระนั้น หมายถึงค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่งของทุนทรัพย์ตามคำฟ้อง เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องลดจำนวนทุนทรัพย์ลงเหลือ 2,409,375 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้ว โจทก์จึงต้องชำระค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่งของทุนทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับคำฟ้องในส่วนทุนทรัพย์ที่โจทก์ไม่ได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล และรับคำฟ้องในส่วนทุนทรัพย์ที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล คือกึ่งหนึ่งของทุนทรัพย์ 2,409,375 บาท

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 4,818,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 3,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ พร้อมยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 15 วัน
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องลดจำนวนทุนทรัพย์ลงเหลือ 2,409,750 บาท และถือเอาทุนทรัพย์ดังกล่าวเป็นทุนทรัพย์ในส่วนที่ศาลอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้อง และให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่งของจำนวนทุนทรัพย์ที่ขอแก้ไขแล้ว ภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 แต่โจทก์ไม่นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์ จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทุนทรัพย์ 1,204,687.50 บาท ตามที่ศาลอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลชั้นต้นต้องรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทุนทรัพย์เพียงใด เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์กึ่งหนึ่ง โดยให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 15 วัน เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น จึงผูกพันโจทก์ที่จะต้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ซึ่งค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่งที่โจทก์ต้องชำระนั้น หมายถึงค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่งของทุนทรัพย์ตามคำฟ้อง เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องลดจำนวนทุนทรัพย์ลงเหลือ 2,409,375 บาท และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้ว โจทก์จึงต้องชำระค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่งของทุนทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับคำฟ้องในส่วนทุนทรัพย์ที่โจทก์ไม่ได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล และรับคำฟ้องในส่วนทุนทรัพย์ที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล คือกึ่งหนึ่งของทุนทรัพย์ 2,409,375 บาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทุนทรัพย์ 1,204,687.50 บาท นั้น ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share