แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำใบสำคัญจ่ายยื่นต่อคณะกรรมการอำเภอเพื่อแสดงว่าได้จ่ายเงินไปจริงตามนั้น ซึ่งความจริงเป็นความเท็จ ย่อมมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ย่อยาว
คดีได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าอาวาศวัดเจติยาราม ได้รับมอบเงินผลประโยชน์ของวัดไปจากคณะกรรมการอำเภออัมพวา ๑๒๐๑ บาท ๖๗ สตางค์ เพื่อไปจัดการซ่อมหอสวดมนตร์ของวัด ครั้งต่อมาจำเลยได้ยื่นใบสำคัญจ่ายต่อเจ้าพนักงานแสดงว่าจำนวนเงิน ๑๒๐๑ บาท ๖๗ สตางค์ที่จำเลยเบิกมาทำการซ่อมแซมหอสวดมนตร์หมด จำเลยได้จ่ายซ่อมแซมหอสวดมนตร์หมดสิ้นไปแล้วตามใบสำคัญนั้น แต่หาเป็นความจริงดังใบสำคัญที่จำเลยแสดงต่อเจ้าพนักงานไม่ เพราะจำเลยจ่ายสิ้นไปในการซ่อมแซมหอสวดมนตร์ไม่ถึงร้อยบาท สิ่งของเครื่องใช้สอยในการของที่ซื้อตามที่ปรากฏในรายการ ก็มากเกินความจริง และที่ว่านายยูเตียนเป็นช่างซ่อมและเป็นผู้ขายสิ่งของและผู้รับเงินก็ไม่เป็นความจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๑๘
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าใบสำคัญจ่ายที่จำเลยยื่นต่อคณะกรรมการอำเภท ได้ทำการยื่นไปก่อนทำการซ่อมแซม เมื่อเป็นเช่นนี้จำเลยก็ยังไม่มีความ เพราะในขณะนั้นคำที่แจ้งไปยังไม่เป็นเท็จ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าใบสำคัญจ่ายที่จำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานเป็นเท็จนี้ไม่ใช่รายการแสดงกะประมาณค่าใช้จ่าย แต่เป็นใบสำคัญที่จำเลยยื่นแสดงให้ทางการถือเป็นใบสำคัญอันแท้จริงว่าจำเลยได้จ่ายไปจริงตามใบสำคัญนั้น เพื่อเป็นการหักผลักใช้เงินที่จำเลยรับไป ฉะนั้นแม้การซ่อมยังไม่ได้ลงมือซ่อมก่อนจำเลยยื่นใบสำคัญก้ควรแสดงให้เห็นความเท็จของจำเลยยิ่งขึ้น จึงพิพากษากลับให้บังคับคดียืนตามศาลชั้นต้น