แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในข้อหาที่ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 100 บาทนั้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์และศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๓๑๐, ๓๗๑, ๘๓ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย ริบของกลางและนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ (ศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ปรับ ๑๐๐ บาท และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคสาม, ๓๑๐ ลงโทษตามมาตรา ๓๓๙ วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก ๑๕ ปี รวมจำคุก ๑๕ ปี ปรับ ๑๐๐ บาท ริบของกลาง ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ เพียงกระทงเดียว ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อหาฐานพาอาวุธนั้น ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ ๑๐๐ บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาฐานพาอาวุธให้ด้วย ย่อมเป็นการไม่ชอบ และข้อหาฐานชิงทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษคดีอื่นของศาลชั้นต้นนั้น ปรากฏว่าคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ คงให้บังคับคดีสำหรับความผิดในข้อหานี้ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ยกคำขอในส่วนที่เกี่ยวกับนับโทษต่อ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์