คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4469/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง ที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า การรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้โจทก์ร่วมฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339,288, 289, 80, 91, 33 ริบมีดของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ลักไป 11,500 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2
จำเลยให้การรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณา นางปราจินนา วงศ์วิชิต ผู้เสียหายที่ 2ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 288, 289, 80, 91, 33 เป็นการกระทำกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 289(5)(7)ซึ่งเป็นบทหนัก แม้จำเลยมีอายุ 19 ปี ซึ่งรู้สึกความผิดแล้วจึงไม่มีเหตุลดมาตราส่วนโทษจึงลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมสอบสวนและชั้นพิจารณาอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 11,500 บาท ริบมีดของกลาง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกาว่า คดีของโจทก์มีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์มีพยานหลักฐานมัดตัวจำเลยแน่นหนามั่นคงชัดแจ้งสามารถนำสืบพิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ การรับสารภาพของจำเลยก็เป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ ไม่อาจถือได้ว่าได้ให้ความรู้ต่อศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์ร่วมจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสองที่โจทก์ร่วมฎีกาว่าการรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 นั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้โจทก์ร่วมฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสองดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ร่วมมาโดยไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของโจทก์ร่วม

Share