คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยติดต่อซื้อขายใบยาสูบแห้งกัน โจทก์จ่ายเงินทดรองให้แก่จำเลยเป็นค่าซื้อใบยาสูบแห้งล่วงหน้า เมื่อจำเลยส่งใบยาสูบแห้งให้โจทก์ก็คิดหักราคากันโดยจำเลยยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์จากเงินทดรองที่ยังไม่ได้หักหนี้นับแต่วันรับเงินทดรองจนกว่าจะคืนเงินที่เหลือด้วย ต่อมาเมื่อคิดหักหนี้กันแล้วปรากฏว่ายังมีเงินค่าใบยาสูบแห้งที่จำเลยรับล่วงหน้าเหลือและดอกเบี้ย การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่เหลือดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยมิใช่เป็นการฟ้องเรียกหนี้ค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไปก่อนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/33(5) ซึ่งมีอายุความ 5 ปี จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เบิกและรับเงินทดรองเป็นค่าใบยาสูบล่วงหน้าจากโจทก์ รวมเป็นเงินทดรองทั้งสิ้น 150,000 บาท จำเลยได้นำใบยาสูบแห้งมาส่งมอบให้โจทก์หลายครั้ง เมื่อหักแล้วจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ จำเลยผิดนัดมิได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม 2525 ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 205,248.93 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากต้นเงิน 99,423.84 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยขอเบิกและรับเงินทดรองตามสัญญาไปจากโจทก์ ดอกเบี้ยตามสัญญาในอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี นั้น เป็นโมฆะและโจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อเรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปคืนจากผู้รับ โจทก์ซึ่งเป็นพ่อค้าต้องใช้สิทธิเรียกร้องเอาภายในอายุความ5 ปี นับแต่วันที่ได้ออกเงินทดรองไปหรือนับแต่วันที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ครั้งสุดท้าย คือในวันที่ 1 เมษายน 2525 นับถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 205,248.93 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากต้นเงิน 99,423.84 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลตามฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ 5 ปี ตามมาตรา 193/33(5)ที่แก้ไขใหม่ (มาตรา 165 วรรคท้าย เดิม) หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายใบยาสูบแห้งกับโจทก์จำนวนประมาณ 20,000 กิโลกรัม และตกลงกันว่าโจทก์จะจ่ายเงินทดรองให้แก่จำเลยเป็นค่าซื้อใบยาสูบแห้งล่วงหน้าเป็นเงิน 150,000 บาท โดยจำเลยยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากต้นเงินทดรองที่ยังค้างชำระแก่โจทก์ เมื่อจำเลยนำใบยาสูบแห้งมาส่งมอบแก่โจทก์โจทก์มีสิทธิหักเงินค่าใบยาสูบแห้งใช้หนี้เงินทดรองนั้น เหลือเท่าใดจำเลยต้องชำระคืนให้โจทก์จนครบและในกรณีจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่ว่าประเภทใด จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม2525 ปรากฏตามสัญญาจะซื้อจะขายใบยาสูบเอกสารหมาย จ.3 จำเลยได้นำใบยาสูบแห้งมาขายให้โจทก์รวม 3 ครั้ง เมื่อคิดหักหนี้กันจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2530 จำเลยเป็นหนี้โจทก์คิดเป็นต้นเงิน 99,423.84บาท และดอกเบี้ย 105,825.09 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น205,248.93 บาท ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยติดต่อซื้อขายใบยาสูบแห้งกัน โดยจำเลยรับเงินล่วงหน้าไปจากโจทก์ เมื่อจำเลยส่งใบยาสูบแห้งให้โจทก์ก็คิดหักราคากันและต่อมาเมื่อคิดหักหนี้กันแล้วปรากฏว่ายังมีเงินค่าใบยาสูบแห้งที่จำเลยรับล่วงหน้าเหลืออยู่90,000 บาท และดอกเบี้ย ดังนี้ เห็นว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินที่เหลือดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยคืนมิใช่เป็นการฟ้องเรียกหนี้ค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไปก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/33(5) ที่แก้ไขใหม่ (มาตรา 165 วรรคท้าย เดิม)ซึ่งมีอายุความ 5 ปี จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/30ที่แก้ไขใหม่ (มาตรา 164 เดิม) โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 15มิถุนายน 2531 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share