คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446-449/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่เบิกความเท็จแม้จะมิได้กล่าวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรแต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ในฟ้องพอที่จะเข้าใจได้ว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร จึงครบองค์ประกอบความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177 และเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานเบิกความเท็จพอสรุปความได้ว่าจำเลยทั้งสี่ได้เบิกความอันเป็นเท็จในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 7468/2518 ว่านายพนัสจำเลยได้รับซื้อฝากที่ดินจากโจทก์จริง มิใช่ทำสัญญาขายฝากอำพรางสัญญากู้เงิน และนายพนัสจำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์ มิได้ลงชื่อแทนนางอุษาจำเลยอันเป็นข้อสำคัญในคดี ซึ่งความจริงโจทก์กู้เงินนางอุษาจำเลย และได้ตกลงทำสัญญาขายฝากอำพรางการกู้เงินระหว่างโจทก์กับนางอุษาจำเลย และนายพนัสจำเลยเพียงแต่ลงชื่อแทนนางอุษาจำเลย แม้ว่าฟ้องโจทก์จะมิได้กล่าวว่า คำเบิกความอันเป็นเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร แต่ฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงมาตอนต้นว่าโจทก์กู้เงินนางอุษาจำเลย และได้ตกลงทำสัญญาขายฝากอำพรางสัญญากู้เงินระหว่างโจทก์กับนางอุษาจำเลย โดยให้นายพนัสจำเลยลงชื่อเป็นคู่สัญญาแทนนางอุษาจำเลย ต่อมาจำเลยทั้งสี่ร่วมกันจะเอาที่ดินของโจทก์ โดยนายพนัสจำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีที่ศาลแพ่งว่าโจทก์ได้ขายฝากที่ดินไว้กับนายพนัสจำเลยพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย เมื่อพิจารณาคำฟ้องของโจทก์โดยตลอดแล้ว พอที่จะให้เข้าใจได้ว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวมานั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแพ่งอย่างไรแล้ว ฟ้องโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เทียบได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2326 – 2328/2518 ระหว่างนายพัน ชิณวงศ์ โจทก์ นายโรย พรหมทองกับพวก จำเลย”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิจารณาพิพากษาใหม่

Share