แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีเกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจรนั้น ข้อสำคัญโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด มิใช่เพียงแต่เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์แล้วต้องให้จำเลยนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของคนร้ายเมื่อบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณถูกคนร้ายลักไปไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายไปร้องทุกข์ หรือแจ้งให้ตัวแทนจำหน่ายของผู้เสียหายหรือประกาศให้ประชาชนทราบแต่ประการใด ดังนั้นจะอาศัยพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายยังไม่ได้นำบัตรโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวออกจำหน่ายแก่ตัวแทนและเมื่อไปยึดบัตรดังกล่าวได้จากจำเลยก็คิดหรือคาดคะเนเอาว่าจำเลยได้ครอบครองบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณของกลางซึ่งเป็นของผู้เสียหายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดหาได้ไม่ เมื่อบัตรโทรศัพท์ของกลางที่ยึดได้จากจำเลย ไม่มีการซุกซ่อนโดยมีการใส่รวมกันไว้กับบัตรโทรศัพท์รุ่นอื่น ๆ ในกล่องพลาสติกตั้งอยู่ที่ชั้นวางสินค้าด้านหลังโต๊ะเก็บเงินแสดงว่าจำเลยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยปราศจากข้อพิรุธ อีกทั้งยินยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจค้นโดยไม่มีการขัดขืน พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้รับบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักเอาไปเอาไว้และช่วยจำหน่ายโดยจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด จำเลยไม่มีความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 และให้คืนบัตรโทรศัพท์ของกลางแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคสอง จำคุก 8 ปี คืนบัตรโทรศัพท์ของกลางแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ส่วนบัตรโทรศัพท์ของกลางคงให้คืนแก่ผู้เสียหาย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบัตรโทรศัพท์ของกลางรุ่นวัดอรุณของบริษัทแอดว๊านซ์ อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ จำกัด ผู้เสียหายซึ่งยังมิได้วางจำหน่ายในท้องตลาดให้แก่ตัวแทนจำหน่าย ได้ถูกคนร้ายลักไปจำนวน 4,600 ใบ ต่อมามีวางขายในท้องตลาดรวมทั้งร้านค้าของจำเลย ผู้รับมอบอำนาจช่วงของผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ของผู้เสียหายไปล่อซื้อและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมกับยึดบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณจากร้านค้าจำเลยจำนวน 4 ใบ ราคาใบละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 400 บาท ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวโจทก์มีนางสาวสุวิสา ยิ้มเลิศลักษณ์ ผู้รับมอบอำนาจช่วงของผู้เสียหายและนายทวีศักดิ์ อินทราวิชกุล เป็นพยานเบิกความว่าได้สืบทราบมาว่าร้านค้าของจำเลยมีบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณจำหน่าย พยานโจทก์ทั้งสองจึงไปแจ้งความและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังร้านค้าของจำเลย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอยู่นอกร้านแล้วพยานทั้งสองเข้าไปในร้านขอซื้อบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณจากจำเลย จำเลยได้หยิบบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณจากกล่องใส่บัตรโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่ชั้นวางสินค้ามาส่งให้พยานทั้งสองคนละ 1 ใบ จากนั้นพยานทั้งสองออกมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพาเข้าไปตรวจค้นภายในร้านค้าของจำเลย ผลการตรวจค้นพบบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณอีก 2 ใบ โดยบัตรดังกล่าววางอยู่ที่ชั้นวางของด้านหลังเคาน์เตอร์จึงยึดไว้เป็นของกลางและเจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยไปดำเนินคดี เห็นว่า พยานโจทก์ 2 ปากนี้ไม่ได้เบิกความถึงการกระทำฐานรับของโจรของจำเลยว่ามีพฤติการณ์กระทำผิด อย่างไรคดีเกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจรนั้นข้อสำคัญโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด มิใช่เพียงแต่เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์แล้วต้องให้จำเลยนำสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของคนร้าย บัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณที่ถูกคนร้ายลักไปนั้นได้ความจากนายพายัพ พัสสร พนักงานของผู้เสียหายซึ่งมีหน้าที่รับบัตรโทรศัพท์จากบริษัทแจ็คกี้เมเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับจ้างขนส่งบัตรโทรศัพท์ให้แก่ผู้เสียหายว่าได้มีการจำหน่ายบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณในท้องตลาดเมื่อเดือนมิถุนายน 2537 แสดงว่าผู้เสียหายทราบแล้วว่าบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณได้ถูกคนร้ายลักลอบออกไปให้ตัวแทนหรือร้านค้าในท้องตลาดจำหน่ายแล้วแต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายไปร้องทุกข์ หรือแจ้งให้ตัวแทนจำหน่ายของผู้เสียหายหรือประกาศให้ประชาชนทราบแต่ประการใด จะอาศัยพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายยังไม่ได้นำบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณออกจำหน่ายแก่ตัวแทน และเมื่อไปยึดบัตรดังกล่าวได้จากจำเลยก็คิดหรือคาดคะเนเอาว่าจำเลยได้ครอบครองบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณของกลางซึ่งเป็นของผู้เสียหายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดหาได้ไม่ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำเบิกความของร้อยตำรวจโทธงชัย ภัยพิทักษ์ พยานโจทก์ที่ไปจับจำเลยในวันเกิดเหตุปรากฏว่าบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณของกลางที่ยึดได้จากจำเลยไม่มีการซุกซ่อนบัตรโทรศัพท์ของกลางใส่รวมกันไว้กับบัตรโทรศัพท์รุ่นอื่น ๆในกล่องพลาสติกตั้งอยู่ที่ชั้นวางสินค้าด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน แสดงว่าจำเลยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยปราศจากข้อพิรุธ อีกทั้งยินยอมให้ค้นโดยไม่มีการขัดขืน กรณีของจำเลยนี้พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้รับบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักเอาไป เอาไว้และช่วยจำหน่ายโดยจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด จำเลยไม่มีความผิดฐานรับของโจร ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน