คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4445/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากเงินที่มีการประมูลขายที่ดินระหว่างโจทก์และจำเลยตามคำพิพากษาแล้วจำเลยไม่ยอมชำระราคาค่าซื้อรวมทั้งค่าธรรมเนียมการขายหลังจากจำเลยประมูลราคาซื้อได้แล้วโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนการชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือต่อศาลชั้นต้นถือได้ว่าจำเลยเจตนาที่จะประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริตเพื่อที่จะไม่ให้โจทก์ได้รับการชำระเงินส่วนแบ่งตามสิทธิของโจทก์ดังนั้นการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดที่ดินแปลงอื่นของจำเลยรวม4แปลงเพื่อบังคับคดีเอาเงินมาชำระส่วนแบ่งของโจทก์บ่องบอกเจตนาของโจทก์ได้ว่าโจทก์กระทำไปโดยสุจริตแม้ต่อมาศาลฎีกาจะพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ที่ดินทั้งสี่แปลงของจำเลยก็ตามแต่การนำยึดที่ดินทั้งสี่แปลงของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่ามิได้เกิดเพราะความผิดหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์แต่อย่างใดจำเลยย่อมมีส่วนผิดที่ก่อให้โจทก์นำยึดที่ดินจำนวน4แปลงของจำเลยอันเนื่องมาจากการที่จำเลยประวิงการบังคับคดีจำเลยจึงควรเป็นฝ่ายต้องรับผิดเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดียึดแล้วไม่มีการขายแทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา161วรรคหนึ่งประกอบมาตรา166

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 3237 ตำบลแก้วฟ้า อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยการประมูลราคากันเอง หากตกลงประมูลราคากันเองไม่ได้ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์จำเลยประมูลที่ดินดังกล่าวระหว่างกันเอง ผลปรากฎว่าจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ในราคาไร่ละ 350,000 บาท ที่ดินเนื้อที่ 18 ไร่68 ตารางวา รวมเป็นเงิน 6,359,500 บาท โดยโจทก์และจำเลยมีส่วนได้ในที่ดินดังกล่าวคนละ 1 ส่วน และ 2 ส่วน ตามลำดับ ส่วนได้ของโจทก์คิดเป็นเงิน 2,083,238 บาท และจำเลยจะต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมการขายในอัตราร้อยละ 3 เป็นเงิน 190,785 บาทด้วย แต่จำเลยไม่นำเงินมาชำระเลย โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมีโฉนดของจำเลยรวม 4 แปลงซึ่งตั้งอยู่อำเภอเสนากลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระส่วนได้ของโจทก์และค่าธรรมเนียมการขายที่ดินดังกล่าวต่อไป จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึดดังกล่าวเพราะโจทก์ไม่มีอำนาจนำยึดเนื่องจากจำเลยมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์จะบังคับเอาจากทรัพย์สินของจำเลยได้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ปล่อยที่ดินทั้งสี่แปลงคืนแก่จำเลย
ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมยึดที่ดินของจำเลยแล้วไม่มีการขาย และค่าใช้จ่ายชั้นบังคับคดีรวม50,490.60 บาท โจทก์ไม่ชำระ ศาลชั้นต้นจึงให้ออกหมายบังคับคดีโจทก์ตามคำขอของเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำร้องว่า เหตุที่โจทก์นำยึดที่ดินของจำเลยเป็นเพราะจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นความผิดของจำเลยเองที่เป็นฝ่ายประมูลราคาซื้อที่ดินพิพาทในราคาสูง แล้วไม่นำเงินมาชำระ โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าโจทก์มีอำนาจทำได้โดยชอบ ทั้งได้ทำตามความเห็นของศาลโจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายชั้นบังคับคดีจำนวนดังกล่าว ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ให้โจทก์เป็นผู้ชำระเงินจำนวนดังกล่าว และสั่งให้จำเลยเป็นฝ่ายชำระค่าธรรมเนียมส่วนนั้น หรือให้เจ้าพนักงานบังคับคดีหักเอาเงินจำนวนนั้นจากการขายทอดตลาดหลักทรัพย์พิพาทก่อนแล้วจึงนำเงินส่วนที่เหลือมาแบ่งกันตามส่วนศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินของจำเลยแล้วไม่มีการขาย
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยควรเป็นฝ่ายเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีแทนโจทก์ในการที่โจทก์นำยึดที่ดินของจำเลยแล้วไม่มีการขายดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังยุติว่าเนื่องจากมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 3237 ตำบลแก้วฟ้าอำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยการประมูลราคากันเองหากตกลงประมูลราคากันเองไม่ได้ก็ให้ขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวแล้วแบ่งเงินที่ขายได้กันตามส่วน ความปรากฎว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมูลราคาซื้อที่ดินแปลงนั้นจากการขายของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2533 ในราคา 6,359,500 บาท และจำเลยจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการขายร้อยละ 3 เป็นเงินจำนวน 190,785 บาทด้วยโจทก์มีสิทธิได้รับเงินส่วนแบ่งค่าที่ดินที่จำเลยประมูลราคาซื้อไปได้จำนวน 2,083,238 บาท แต่หลังจากจำเลยประมูลราคาซื้อที่ดินไปได้แล้ว จำเลยไม่ชำระเงินค่าซื้อต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ทั้งมิได้แถลงเหตุผลของการที่มิได้ชำระเงินให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบและเมื่อศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่าประมูลซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว ในวันที่ 10 เมษายน 2533จำเลยก็แถลงต่อศาลชั้นต้นแต่เพียงว่า จำเลยยังไม่อาจยืนยันได้ว่าจำเลยจะชำระเงินที่ประมูลราคาซื้อที่ดินแปลงนั้นได้หรือไม่ จำเลยต้องขอเวลาปรึกษาทนายความก่อน หลังจากนั้นจำเลยก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อที่จะชำระเงินค่าซื้อที่ดินที่จำเลยประมูลราคาซื้อไปจากเจ้าพนักงานบังคับคดีรวมทั้งเงินค่าธรรมเนียมการขายที่จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระด้วย โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดที่ดินแปลงอื่นของจำเลยรวม 4 แปลง เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระส่วนที่โจทก์จะได้รวมทั้งชำระค่าธรรมเนียมการขายที่จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากเงินที่มีการประมูลขายที่ดินโฉนดเลขที่ 3237 ตำบลแก้วฟ้า อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาระหว่างโจทก์และจำเลย แล้วจำเลยไม่ยอมชำระราคาค่าซื้อรวมทั้งค่าธรรมเนียมการขายหลังจากจำเลยประมูลราคาซื้อได้แล้วโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนการชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือต่อศาลชั้นต้น ถือได้ว่าจำเลยเจตนาที่จะประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริตเพื่อที่จะไม่ให้โจทก์ได้รับการชำระเงินส่วนแบ่งตามสิทธิของโจทก์ดังนั้น การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดที่ดินแปลงอื่นของจำเลยรวม 4 แปลง เพื่อบังคับคดีเอาเงินมาชำระส่วนแบ่งของโจทก์ บ่งบอกเจตนาของโจทก์ได้ว่าโจทก์กระทำไปโดยสุจริต แม้ต่อมาศาลฎีกาจะพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ที่ดินทั้งสี่แปลงของจำเลยก็ตามแต่การนำยึดที่ดินทั้งสี่แปลงของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่ามิได้เกิดเพราะความผิดหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์แต่อย่างใด เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา161 วรรคหนึ่ง ให้อำนาจศาลในการที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง และโดยมีมาตรา 166แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ว่า คู่ความฝ่ายใดทำให้ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมในกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้ดำเนินไปโดยไม่จำเป็น หรือที่ต้องดำเนินไปเพราะความผิดหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง คู่ความฝ่ายนั้นต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมนั้น โดยมิพักคำนึงว่าคู่ความฝ่ายนั้นจักได้ชนะคดีหรือไม่ โดยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวเมื่อฟังว่าจำเลยมีส่วนผิดที่ก่อให้โจทก์นำยึดที่ดินจำนวน 4 แปลง ของจำเลยอันเนื่องมาจากการที่จำเลยประวิงการบังคับคดี จำเลยจึงควรเป็นฝ่ายต้องรับผิดเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดียึดแล้วไม่มีการขายแทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 166
พิพากษายืน

Share