คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4431/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์ไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุของโจทก์ มีลักษณะเป็นสินจ้าง โจทก์จึงเป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (7) สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าใช้บริการโทรศัพท์ทางไกลของโจทก์ จึงมีอายุความฟ้องร้อง 2 ปี
เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความกำหนดตรงกับวันเสาร์หยุดราชการการนับระยะเวลาสุดท้ายของการฟ้องร้อง ก็ต้องคือหลักตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 คือให้นับวันจันทร์อันเป็นวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วยเป็นวันสุดท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่า ได้ใช้และยินยอมให้ผู้อื่นใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากเครื่องโทรศัพท์จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ถึงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๖ รวม ๑๓ ครั้ง เป็นเงิน ๔,๑๗๒ บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การในปัญหาข้อกฎหมายที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาว่า โจทก์ควรใช้สิทธิเรียกร้องภายในอายุความ ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕ (๓) ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๔๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจากวันฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์จากในประเทศไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้โจทก์อันมีลักษณะเป็นสินจ้างแม้โจทก์จะมิใช่พ่อค้า แต่ก็นับได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ (๗) สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าใช้บริการโทรศัพท์ทางไกลของโจทก์จึงมีอายุความฟ้องร้อง ๒ ปี…. การนับระยะเวลาของอายุความต้องเป็นไปตามบทบัญญัติลักษณะ ๕ เรื่องระยะเวลา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความถึงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๘ ตรงกับวันเสาร์หยุดราชการ การนับระยะเวลาวันสุดท้ายก็ต้องถือหลักตามมาตรา ๑๖๑ คือให้นับวันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๘ เข้าด้วยเป็นวันสุดท้าย โจทก์ฟ้องคดีวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๘ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๘ จำนวน ๔๔๙ บาท จึงไม่ขาดอายุความ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องหนี้รวมจำนวนเงิน ๑,๘๙๐ บาท
พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๘๙๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑.๕ ต่อปี นับจากวันฟ้อง

Share