คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4431/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ในคดีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.ฟ้องจำเลยที่ 1 โดยผู้ร้องทราบว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 มิใช่ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ จึงถือได้ว่าผู้ร้องซื้อบ้านพิพาทไว้โดยไม่สุจริต สิทธิของผู้ร้องในการซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บ้านพิพาทจึงเป็นของจำเลยที่ 2 และผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ในคดีที่โจทก์นำยึดบ้านพิพาทบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนองที่ดินและยบ้านของจำเลยที่ ๒ โจทก์และจำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอม แต่จำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงนำยึดที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งจำเลยที่ ๒ จำนองไว้กับโจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องซื้อจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๖๓/๒๕๒๕ ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดเชียงใหม่บริการ โจทก์ นายสมบัติ อุ่นจิโน จำเลย โดยสุจริตกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทจึงเป้นของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าว
โจทก์ให้การว่า ผู้ร้องซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้จำนอง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับประเด็นที่ว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องหรือของจำเลยที่ ๒ นั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒ มิใช่ของจำเลยที่ ๑ เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องรู้จักห้างหุ้นส่วนจำกัดเชียงใหม่บริการและรู้จักจำเลยทั้งสองดีบ้านผู้ร้องก็อยู่ไม่ห่างบ้านพิพาทมากนัก ทั้งก่อนที่จะซื้อบ้านพิพาทผู้ร้องยังได้ไปดูบ้านพิพาทและสอบถามบิดาของจำเลยที่ ๒ เกี่ยวกับบ้านดังกล่าว เชื่อว่าผู้ร้องต้องทราบตั้งแต่ขณะที่ซื้อบ้านพิพาทแล้วว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ได้จดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ดังนั้น การซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลในคดีที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเชียงใหม่บริการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ จึงรับฟังได้ว่าผู้ร้องซื้อไว้โดยไม่สุจริต สิทธิของผู้ร้องในการซื้อบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๐ บ้านพิพาทจึงเป็นของจำเลยที่ ๒ และผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์
พิพากษายืน

Share