คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ก่อนที่ศาลประทับฟ้องประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคสามบัญญัติมิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น จำเลยจึงไม่มีฐานะเป็นคู่ความ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่า โจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดี จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้นัดไต่สวนมูลฟ้อง หมายนัด ให้จำเลยทราบภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องผู้ส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยรายงานว่า ส่งไม่ได้เพราะหาบ้านเลขที่ของจำเลยไม่พบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าให้โจทก์แถลงต่อมาเจ้าหน้าที่ของศาลรายงานว่า โจทก์มิได้แถลงให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง จำหน่ายคดีโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดให้จำเลยใหม่แล้วดำเนินการต่อไปจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้ ศาลยังมิได้มีคำสั่งประทับฟ้อง กรณีจึงตกอยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติว่า ก่อนที่ศาลประทับฟ้องมิได้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น ดังนั้นในชั้นนี้จำเลยจึงไม่มีฐานะเช่นคู่ความ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย”

Share