คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4410/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) คำร้องดังกล่าวเป็นคำฟ้อง ซึ่งถือเป็นคำคู่ความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง มีผลเป็นการไม่รับ คำร้องสอด คำสั่งศาลชั้นต้นจึงเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตาม มาตรา 227 และไม่ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ผู้ร้องสอด ย่อมอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่ วันมีคำสั่งเป็นต้นไปตามมาตรา 229

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ 331,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบที่ดินโฉนดเลขที่ 2495 หากไม่สามารถส่งคืนได้ให้รับผิดชดใช้เงิน 150,000 บาท แก่โจทก์กับให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ 3,510,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 และมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2540 เนื่องจากโจทก์ไม่นำพยานที่เหลือมาสืบตามกำหนดนัด โจทก์โต้แย้งคำสั่งแล้ว ต่อมาระหว่างสืบพยานจำเลยผู้ร้องสอดยื่นคำร้องลงวันที่ 3 ธันวาคม 2540 ขอร้องสอดเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามอ้างว่าเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตาย ผู้ตายไม่มีบุตรซึ่งเป็นทายาทโดยธรรม โจทก์เป็นบุตรบุญธรรมที่มิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย ผู้ร้องสอดจึงเป็นทายาทโดยธรรมแต่เพียงผู้เดียวของผู้ตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องเพราะสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ไม่สะดวกที่จะให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความดำเนินการสืบพยานจำเลยต่อไปจนเสร็จการพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานโจทก์
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความในคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) คำร้องดังกล่าวเป็นคำฟ้อง ซึ่งถือเป็นคำคู่ความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง อันมีผลเป็นการไม่รับคำร้องสอด ดังนั้น คำสั่งศาลชั้นต้นจึงเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 และไม่ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหากผู้ร้องสอดไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวย่อมอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องสอดในวันเดียวกับที่ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องคือวันที่ 3 ธันวาคม 2540 แต่ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งในวันที่ 30 มกราคม 2541 จึงล่วงเลยกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องสอดเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องสอดชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share