คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2543

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแล้วตัดโค่นต้นยางพาราจำนวน 17 ต้นและเอาต้นยางพาราดังกล่าวไปโดยใช้รถยนต์บรรทุกอันเป็นความผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์ การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยมีความมุ่งหมายที่จะเข้าไปตัดโค่นต้นยางพาราซึ่งอยู่ในที่ดินดังกล่าวแล้วนำออกไปจากที่ดิน โดยใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุกต้นยางพาราไป จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวต่อเนื่องกันตลอดมาไม่ขาดตอนอันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2538 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกเข้าไปในที่ดินของนายสุรพันธ์ จงรักษ์ ผู้เสียหาย ที่เป็นผู้มีอาชีพกสิกรรมทำสวนยางพารา แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันตัด ฟันต้นยางพาราซึ่งเป็นพืชผลกสิกรรม จำนวน 17 ต้น คิดเป็นเงิน 170,000 บาท เป็นการทำให้เสียหายทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ และรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุข และจำเลยทั้งสองร่วมกันลักเอาต้นยางพาราจำนวน 17 ต้นคิดเป็นเงิน 170,000 บาท ไปโดยทุจริต และโดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นการจับกุมในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองพร้อมยึดต้นยางพารา17 ต้น รถยนต์บรรทุกสิบล้อ 4 คัน เครื่องเลื่อยยนต์ 2 เครื่อง เป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(12), 336 ทวิ,358, 359, 362, 365 กับให้คืนต้นยางพาราของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(7)(12), 336 ทวิ, 359(4), 365(2) ความผิดฐานบุกรุกเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แต่ความผิดตามกฎหมายดังกล่าวมีโทษเท่ากันจึงให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4) ให้จำคุก 1 ปีความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 335 วรรคสาม, 336 ทวิ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือนรวมจำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี8 เดือน คืนต้นยางพาราของกลางแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นให้ยกและให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(12) วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ, 359(4) ประกอบด้วยมาตรา 358, 365(2) ประกอบด้วยมาตรา 362 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 335(7)(12) วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี 6 เดือนลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแล้วตัดโค่นต้นยางพาราจำนวน17 ต้น และเอาต้นยางพาราดังกล่าวไปโดยใช้รถยนต์บรรทุก อันเป็นความผิดฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ตามฟ้องของโจทก์
คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เป็นประเด็นข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 กรณีบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์กับกรณีลักต้นยางพาราเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทดังศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 บุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 มีความมุ่งหมายที่จะเข้าไปตัดโค่นต้นยางพาราซึ่งอยู่ในที่ดินดังกล่าวแล้วนำออกไปจากที่ดินโดยใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุกต้นยางพาราไปจึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวต่อเนื่องกันตลอดมาไม่ขาดตอนอันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามมาตรา 91 ดังที่โจทก์กล่าวอ้างไม่”
พิพากษายืน

Share