คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดในท้องที่อำเภอหนึ่ง แม้ศาลจะฟังข้อเท็จจริงดังที่จำเลยนำสืบว่าเหตุเกิดในท้องที่อีกอำเภอหนึ่งก็ตาม แต่เขตของสองอำเภอนั้นอยู่ใกล้ชิดติดต่อกัน และจำเลยก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่ใด เช่นนี้ ถือได้ว่าในข้อสถานที่เกิดเหตุนั้น ทางพิจารณาไม่แตกต่างกับฟ้องในข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใด ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับจำเลยตามสำนวนคดีอื่นได้บังอาจสมคบร่วมกันทำสุราโดยมีภาชนะและเครื่องกลั่นทำสุราไว้ในครอบครองเพื่อทำสุรา และมีสุราแช่ผิดกฎหมาย และสุรากลั่นไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.๒๔๙๓ มาตรา ๕,๓๐,๓๒ พระราชบัญญัติสุรา(ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๔,๖ ให้ลงโทษจำเลยโดยปรับฐานทำสุราแลมีภาชนะสำหรับทำสุรา ๖๐๐ บาท ฐานมีน้ำสุรา ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่จำเลยนำสืบว่าสวนของจำเลยอยู่ห่างที่เกิดเหตุ คือ ที่ต้มสุราราว ๓ วา จะอยู่ในเขตอำเภอเมืองระยอง ไม่ได้อยู่ในเขตอำเภอบ้านค่ายดังที่โจทก์ฟ้อง ก็ย่อมเห็นได้ว่า เขตของอำเภอเมืองระยองกับอำเภอบ้านค่ายนั้นติดต่อกัน และสถานที่เกิดเหตุที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าอยู่ในเขตอำเภอบ้านค่ายก็อยู่ใกล้ชิดติดต่อกันกับเขตอำเภอเมืองระยองนั้นเอง ตามคำเบิกความของจำเลยเองก็แสดงอยู่ว่าจำเลยรู้ดีว่าสถานที่เกิดเหตุที่โจทก์หาว่าจำเลยสมคบต้มกลั่นสุรานั้นอยู่ที่ไหน ฉะนั้น จำเลยหาได้หลงข้อต่อสู้ไม่
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องตามมาตรา ๑๔๒ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลหาจำต้องยกฟ้องเสมอไปไม่ ถ้าศาลเห็นว่าข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยก็มิได้หลงข้อต่อสู้แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ คดีนี้เห็นได้ว่า ข้อแตกต่างดังกล่าวอันเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุนั้นมิใช่ข้อสาระสำคัญ และจำเลยก็รู้ดีว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่ไหน มิได้หลงข้อต่อสู้แต่ประการใด ศาลก็ย่อมจะลงโทษจำเลยได้
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share