แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าซึ่งประชาชนย่อมจะเข้าไปได้แม้จะเป็นเคหสถานที่ผู้เสียหายใช้อยู่อาศัยด้วย แต่ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันร้านค้ายังคงเปิดขายสินค้าอยู่ การที่จำเลยเข้าไปลักสุราและบุหรี่จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปจริงดังฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนางเพ็ญศรี นามลีบุตรผู้เสียหายมาเบิกความว่า ขณะเฝ้าอยู่ที่ร้านของบิดาซึ่งขายสุราบุหรี่ ขนม ผงซักฟอกและของอื่น ๆ พยานเผลอหลับอยู่หน้าร้านเมื่อตื่นขึ้นก็เห็นจำเลยกำลังเดินออกจากหน้าร้านห่างประมาณ 3 วาในมือทั้งสองข้างถือสุรา 4 ขวดและบุหรี่ 2 ห่อ โดยใช้มือถือสุราข้างละขวดและใช้แขนหนีบบุหรี่ข้างละ 1 ห่อ พยานเรียกจำเลยให้หยุดจำเลยหันมามองแต่ไม่หยุด กลับเดินหนีไป จึงวิ่งไปบอกบิดาว่าจำเลยลักสุราและบุหรี่ไป นายสิทธิ์ นามลีผู้เสียหายเบิกความว่านางเพ็ญศรีวิ่งมาบอกว่าจำเลยลักสุราและบุหรี่ไป ผู้เสียหายกลับบ้านตรวจดูทรัพย์สินพบว่านอกจากสุราและบุหรี่แล้วเงินสดหายไปอีก 2,000 บาท จึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน นายสมหมาย สังหาผู้ใหญ่บ้านเบิกความว่าผู้เสียหายแจ้งว่า จำเลยลักเงิน 2,000 บาทสุรา 4 ขวด บุหรี่ 2 ห่อ พยานไปจับจำเลยได้ที่บ้าน จำเลยรับว่าเอาไปแต่สุรา 4 ขวด ชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าผู้เสียหายยืมเงินไป 200 บาท แล้วไม่ยอมใช้จึงเอาสุราของผู้เสียหายไป 4 ขวด ร้อยตำรวจตรีบุญส่ง สังข์ยิ้ม เบิกความว่า ได้สอบผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายแจ้งว่าไม่เคยยืมเงินจำเลย เห็นว่าแม้โจทก์จะมีนางเพ็ญศรีเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวแต่นางเพ็ญศรีก็วิ่งไปบอกผู้เสียหายทันทีว่า จำเลยลักสุราและบุหรี่ไป ผู้เสียหายก็เบิกความยืนยันว่านางเพ็ญศรีบอกผู้เสียหายว่าจำเลยลักสุราและบุหรี่ไปและผู้เสียหายก็ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านในวันเกิดเหตุนั่นเอง ส่วนที่ผู้เสียหายว่าเงิน 2,000บาท หายไปด้วยนั้น โจทก์ไม่มีพยานมาสืบว่าเห็นจำเลยลักไปและไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าเงิน 2,000 บาท หายไปจริงหรือไม่จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเอาเงิน 2,000 บาท ของผู้เสียหายไปด้วยที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนและเบิกความต่อศาลว่าผู้เสียหายยืมเงินจำเลยไป 200 บาท แล้วไม่ใช้คืน จำเลยจึงเอาสุราของผู้เสียหายไป 4 ขวดนั้นหากเป็นความจริงเหตุใดจำเลยจึงไม่แจ้งแก่นายสมหมายผู้ใหญ่บ้านให้บันทึกไว้ในบันทึกการจับกุมว่าผู้เสียหายยืมเงินจำเลยไปส่วนที่จำเลยเบิกความว่าผู้เสียหายไปเล่นการพนันมวยทางโทรทัศน์ที่บ้านนายสมหมายและยืมเงินจำเลย จำเลยไม่มีพยานมาสืบสนับสนุนให้รับฟังได้ นายสมหมายก็มิได้เบิกความว่าผู้เสียหายยืมเงินจำเลยไปจริง ข้ออ้างของจำเลยเลื่อนลอยรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยลักสุรา 4ขวด และบุหรี่ 2 ห่อ ของผู้เสียหายไปจริง แต่ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าซึ่งประชาชนย่อมจะเข้าไปได้ แม้จะเป็นเคหสถานที่ผู้เสียหายใช้อยู่อาศัยด้วยก็ตาม ได้ความว่าขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันร้านค้ายังคงเปิดขายสินค้าอยู่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 6 เดือน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาสุราและบุหรี่รวมเป็นเงิน364 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย