คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยพาผู้เสียหายทั้งสองซึ่งมีอายุเพียง 9 ปี เข้าไปในห้องบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกมิฉะนั้นจะใช้ไฟฟ้า ช็อต และใช้อวัยวะเพศมาถูกที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายทั้งสองจนสำเร็จความใคร่ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยผู้เสียหายทั้งสองนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้.

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยสำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำอนาจารเด็กหญิงเอื้อมพร อายุ9 ปี หลายครั้งโดยเด็กหญิงเอื้อมพรไม่ยินยอม แล้วจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงเอื้อมพรหลายครั้ง และสำนวนที่สองโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำอนาจารเด็กหญิงอุไรวรรณ อายุ 9 ปี หลายครั้ง โดยเด็กหญิงอุไรวรรณไม่ยินยอม แล้วจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงอุไรวรรณหลายครั้งขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279 และนับโทษจำเลยต่อกัน
จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิด 4 กรรม ให้ลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 12 ปี ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายทั้งสองตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีเด็กหญิงอุไรวรรณ อ้วนชินและเด็กหญิงเอื้อมพร สุขเกษม ผู้เสียหายทั้งสองเบิกความเป็นพยานโดยเด็กหญิงอุไรวรรณเบิกความว่า เหตุเกิดครั้งแรกจำเลยชวนพยานเข้าไปในห้องของจำเลย ขณะนั้นจำเลยนุ่งผ้าขนหนูอยู่ เมื่อเข้าไปจำเลยให้พยานถอดกางเกงชั้นนอกและชั้นในออกแล้วให้พยานนอนลงบนเสื่อน้ำมัน หลังจากนั้นจำเลยแก้ผ้าขนหนูออกนำเอาครีมมาทาที่อวัยวะเพศจำเลยซึ่งกำลังแข็งตัวอยู่แล้วเอาอวัยวะเพศของจำเลยมาถูไถที่อวัยวะเพศของพยานและดันเข้าไปภายใน แล้วชักเข้าชักออกมีน้ำสีขาว ๆ ไหลออกมาจากอวัยวะเพศของจำเลย ต่อมาขณะพยานอยู่กับจำเลยในห้องของจำเลยพยานได้เรียกเด็กหญิงเอื้อมพรซึ่งเป็นเพื่อนกันเข้ามาในห้อง ระหว่างนั้นจำเลยนุ่งผ้าขนหนูอยู่ เมื่อเด็กหญิงเอื้อมพรเข้ามาแล้วจำเลยบังคับให้เด็กหญิงเอื้อมพรถอดกางเกงออกหากไม่ถอดจะเอาไฟฟ้าช็อตเด็กหญิงเอื้อมพรจึงถอดกางเกงออกแล้วจำเลยสั่งให้นอนลงบนเสื่อน้ำมันหลังจากนั้นจำเลยถอดผ้าขนหนูออกนำเอาครีมมาทาที่อวัยวะเพศของจำเลยที่กำลังแข็งตัวอยู่ และใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถที่อวัยวะเพศของเด็กหญิงเอื้อมพรพร้อมกับดันเข้าไปภายใน แล้วชักเข้าชักออกจนมีน้ำสีขาว ๆ ไหลออกมาจากอวัยวะเพศของจำเลย โดยเด็กหญิงเอื้อมพรได้เบิกความยืนยันเช่นเดียวกัน ต่อจากนั้นผู้เสียหายทั้งสองต่างเบิกความว่าหลังจากเกิดเหตุดังกล่าว จำเลยได้กระทำเช่นที่เบิกความมากับผู้เสียหายทั้งสองอีก ดังนี้ ผู้เสียหายทั้งสองเป็นเด็กอายุเพียง 9 ปี ยังอยู่ในเยาว์วัยจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ถึงขนาดจะปั้นแต่งเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเอง หากมิได้เกิดกับผู้เสียหายทั้งสองมาโดยตรง คำเบิกความของผู้เสียหายทั้งสองจึงเชื่อว่าเป็นความจริง ส่วนที่ผู้เสียหายทั้งสองเบิกความว่า อวัยวะเพศของจำเลยเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้วจำเลยได้ชักเข้าชักออกนั้นเป็นเพราะความไม่รู้ของผู้เสียหายทั้งสองจึงทำให้เข้าใจเอาว่า ลักษณะที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายไปมาถือว่าได้เข้าไปในอวัยวะเพศของตนแล้ว และการถูไถขึ้นลงเป็นลักษณะที่จำเลยชักอวัยวะเพศเข้าออกในอวัยวะเพศของตนเอง เมื่อเข้าใจผิดเช่นนี้การตรวจของแพทย์จึงพบว่าอวัยวะเพศของผู้เสียหายทั้งสองเป็นปกติจึงหาทำให้คำเบิกความของผู้เสียหายทั้งสองขาดความเชื่อถือไปแต่อย่างใดไม่ เหตุที่ผู้เสียหายทั้งสองมิได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาของตนฟังนั้น ก็ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายทั้งสองว่า ถูกจำเลยขู่บังคับว่า ถ้าบอกใครจะใช้ไฟฟ้าช็อต และยังได้ความอีกว่าเมื่อจำเลยทำอนาจารแล้วได้ให้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งสองด้วย ย่อมทำให้ผู้เสียหายทั้งสองอยากได้เงินจากจำเลยต่อไปจึงไม่ยอมเล่าให้มารดาของตนฟัง แต่ถึงกระนั้นก็ตามในที่สุดก็ได้ความจากคำเบิกความของนางวิภา ขุนทอง และนางรุ่งอรุณ สุขเกษมพยานโจทก์ผู้เป็นมารดาของผู้เสียหายทั้งสองว่า ผู้เสียหายทั้งสองต่างได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พยานฟังด้วยแล้ว ด้วยเหตุนี้พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำอนาจารผู้เสียหายทั้งสองจริง การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ได้กระทำต่อผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นหญิงอายุเพียง 9 ปีดังกล่าวนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องข้อหาดังกล่าว ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share