คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4378/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญาปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่าในชั้นอุทธรณ์ เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ได้ สถานที่เกิดการกระทำความผิดตามฟ้องมีสองแห่ง แม้โจทก์จะบรรยายสถานที่เกิดการกระทำความผิดตามฟ้องมาแห่งเดียว แต่ปรากฏข้อเท็จจริงจากทางพิจารณาว่ามีสถานที่เกิดการกระทำความผิดอีกแห่งหนึ่ง ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง การที่จำเลยที่ 1 และที่ 4 ร่วมมือกับสายลับของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปติดต่อล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 3กับพวก โดยจำเลยที่ 1 และที่ 4 มีเจตนาเพื่อช่วยเหลือเจ้าพนักงานตำรวจปราบปรามการค้าเฮโรอีนและโดยหวังเงินรางวัลที่เจ้าพนักงานตำรวจจะแบ่งให้ การกระทำของจำเลยที่ 1และที่ 4 เป็นการกระทำที่ขาดเจตนาที่จะกระทำความผิดไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายเฮโรอีน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ผู้มีชื่อ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7, 15, 66 และ 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ

จำเลยที่ 4 ให้การว่าจำเลยร่วมกับสายลับของเจ้าหน้าที่ไปติดต่อล่อซื้อเฮโรอีน โดยจำเลยมีเจตนาเพื่อช่วยเหลือราชการและโดยหวังรางวัลจากเจ้าพนักงานตำรวจ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7, 15, 66 และ 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษประหารชีวิต ลดโทษให้จำเลยที่ 1หนึ่งในสาม ลดโทษให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตจำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 4 คนละ 40 ปี ริบของกลาง ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2

โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 และที่ 4 ฎีกา

ในปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 4 มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้จำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อ เหตุเกิดที่ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ได้ระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดตามฟ้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ในปัญหาว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาว่าเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งแสดงตนเป็นพ่อค้ากับสายลับเจรจาขอซื้อเฮโรอีนของกลางจากจำเลยที่ 3ที่บ้านจำเลยที่ 4 ซึ่งอยู่ที่ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ส่วนตำบลปิงโค้งเป็นสถานที่ซึ่งนายเล่าต๋าผู้เป็นเจ้าของเฮโรอีนของกลางร่วมกับจำเลยที่ 3 ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายในวันเกิดเหตุขณะนำเฮโรอีนของกลางมามอบให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้แสดงตนเป็นพ่อค้าที่รออยู่ที่บ้านจำเลยที่ 4 ตามที่เจ้าพนักงานตำรวจกับจำเลยที่ 3 ตกลงกัน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิดตามฟ้อง มิได้อยู่ที่บ้านจำเลยที่ 4 ที่ตำบลเชียงดาวแห่งเดียว แต่อยู่ตรงที่นายเล่าต๋าถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายด้วย ดังนั้นข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณา จึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง

ในปัญหาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 4 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 3 และนายเล่าต๋าหรือไม่นั้น ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า เจ้าของเฮโรอีนของกลางคือจำเลยที่ 3 กับนายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 และที่ 4 มิได้เป็นเจ้าของร่วมด้วยที่จำเลยที่ 1และที่ 4 เข้าไปเกี่ยวข้องกระทำการต่าง ๆ ด้วย ก็โดยมีเจตนาเพียงประการเดียวคือเพื่อช่วยเหลือเจ้าพนักงานตำรวจปราบปรามการค้าเฮโรอีนโดยหวังเงินรางวัลที่เจ้าพนักงานตำรวจจะแบ่งให้ จำเลยที่ 1 และที่ 4 ทราบดีว่าการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตนเป็นพ่อค้าเฮโรอีนนำเงินไปเจรจาขอซื้อเฮโรอีนของกลางจากจำเลยที่ 3ในวันเกิดเหตุ เป็นอุบายของเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อจะจับกุมเจ้าของเฮโรอีน การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 4 จึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาที่จะกระทำความผิดดังนั้นจึงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 4 ในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายเฮโรอีนไม่ได้ ไม่ว่าจะลงโทษฐานเป็นตัวการหรือในฐานผู้สนับสนุน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 4 เสียด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

Share