คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4377/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อหาบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 มีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับจึงเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์นำสืบสมตามฟ้องแล้วเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหาดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 วรรคสอง ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็นเป็นหนังสือก็ได้ แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่บทบังคับเด็ดขาด เมื่อศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือก็ย่อมไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมฉ้อโกง บุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 264, 265, 268, 341,362 และ 363
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม กับความผิดฐานบุกรุก ให้ประทับฟ้องส่วนความผิดฐานฉ้อโกง ให้ยกฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268, 362 การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265 วางโทษจำคุก 6 เดือน ความผิดตามมาตรา 362 วางโทษจำคุก 3 เดือน รวมเป็นจำคุกจำเลยทั้งสิ้น9 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อหาบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์นำสืบสมตามฟ้องแล้วเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ความผิดตามมาตรา 362มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ จึงเป็นคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาบุกรุกด้วย ย่อมเป็นการไม่ชอบส่วนการที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 วรรคสองบัญญัติว่า ศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็นเป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่บทบังคับเด็ดขาดเมื่อศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือก็ย่อมไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ปลอมเอกสารสิทธิ แต่จำเลยใช้เอกสารสิทธิปลอมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่วินิจฉัยข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 คงยกฟ้องในข้อหาดังกล่าวตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนข้อหาใช้เอกสารสิทธิปลอมให้ปรับจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 เป็นเงิน 5,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้ยกฟ้องในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share