คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฟ้องขอหย่าขาดกับภรรยาโดยอ้างว่าภรรยาเป็นชู้กับโจทก์ถือว่าเป็นกรณีที่จำเลยใช้สิทธิทางศาลและเป็นความจำเป็นต้องระบุชายชู้เพื่อให้ฟ้องชัดเจนไม่เคลือบคลุม อันเป็นการแสดงข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจงใจเจตนาใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชน โดยเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๑๐ จำเลยได้ฟ้องศาลเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๔๗๐๑/๒๕๑๐ ขอให้พิพากษาหย่าขาดระหว่างจำเลยกับภรรยา โดยกล่าวในฟ้องคดีดังกล่าวเป็นใจความว่า นางสุวรรณภรรยาจำเลยได้เสียกับโจทก์ตั้งแต่โจทก์ยังบวชเป็นพระภิกษุอยู่ โจทก์ได้มาร่วมหลับนอนกับนางสุวรรณที่บ้านเลขที่ ๑๒๐๙ ตำบลตลาดพลู จังหวัดธนบุรี ตั้งแต่เวลา ๒๐.๐๐ นาฬิกา และกลับวัดเวลา ๕.๐๐ นาฬิกาของวันรุ่งขึ้นจนชาวบ้านรู้เห็นกันทั่ว จึงได้ช่วยกันร้องเรียนต่อสมภารวัดปากน้ำซึ่งได้สอบสวนเรื่องนี้เมื่อโจทก์สึกจากพระภิกษุแล้วก็ไปหลับนอนร่วมกับนางสุวรรณที่บ้านดังกล่าวจนเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๑๐ โจทก์ถูกจับได้ขณะกำลังหลับนอนอยู่ในบ้านดังกล่าวกับนางสุวรรณ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า จำเลยฟ้องขอหย่าขาดและแบ่งทรัพย์สินกับภรรยาอันเป็นการใช้สิทธิทางศาลของจำเลยกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ และมาตรา ๓๒๘ ให้ยกฟ้องโดยไม่ประทับฟ้องไว้พิจารณา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๑ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยฟ้องภรรยาเพื่อขอหย่าและแบ่งทรัพย์สินโดยอ้างเหตุหย่าว่าภรรยาจำเลยเป็นชู้กับโจทก์นั้น เป็นการใช้สิทธิทางศาล ซึ่งจำเลยมีความจำเป็นจะต้องกล่าวในฟ้องให้ภรรยาจำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาโดยชัดเจน มิฉะนั้นคดีที่จำเลยฟ้องภรรยาจำเลยก็จะเป็นฟ้องเคลือบคลุม จึงถือได้ว่าข้อความที่จำเลยกล่าวในฟ้องเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลของคู่ความเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน อันไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๑
พิพากษายืน

Share