แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายถูกเตะทั้งรองเท้า มีบาดแผล คือ 1. รอยช้ำบวมที่หน้าผากข้างขวาเหนือคิ้วขวา 2. เบ้าตาขวาช้ำบวมเขียว ตาขาวมีรอยช้ำเลือด 3. ริมฝีปากล่างซ้ายแตก 4. รอยช้ำบวมที่ปลายคาง5. หัวเข่าซ้ายบวมเล็กน้อย มีรอยถลอกเลือดออกซับบาดแผลทั้งหมดควรจะหายภายใน 7 วัน เช่นนี้ ถือว่าได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว
จำเลยเป็นจ่าสิบตำรวจและสิบตำรวจเอกได้จับกุมผู้เสียหายในข้อหาเสพสุราจนเป็นเหตุให้เมาประพฤติวุ่นวายครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณะ เมื่อนำไปยังสถานีตำรวจแล้วผู้เสียหายยังร้องเอะอะอาละวาด เตะโน่นเตะนี่ เดินไปมาและจะลงไปจากสถานีตำรวจ จำเลยจึงเอาตัวผู้เสียหายเข้าไปขังไว้ในห้องขังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และเพื่อไม่ให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ดังนี้ไม่ถือว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จ่าสิบตำรวจอั้น จำเลยที่ 1 ชกต่อยทำร้ายร่างกายนายตาจนได้รับบาดเจ็บ ตามใบชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง หลังจากนั้นจ่าสิบตำรวจอั้นจำเลยที่ 1 กับสิบตำรวจเอกปัญญาจำเลยที่ 2 และนายทอง วรรณกันธา จำเลยที่ 3 ร่วมกันลากดึงจับกุมเอาตัวนายตาไปสถานีตำรวจ โดยรู้ว่านายตามิได้ทำผิดกฎหมาย และจำเลยได้คุมขังนายตาไว้ในห้องขังจนรุ่งเช้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 310, 157, 83, 91
จำเลยทั้งสามปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และผิดมาตรา 157, 310 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 อันเป็นบทหนัก จำคุก 3 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 5 ปี จำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 157, 310 แต่ให้ลงตามมาตรา 157 จำคุก 2 ปี 6 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1 และ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่าจำเลยที่ 1 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุก 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ในชั้นฎีกานี้ คดีมีปัญหาข้อกฎหมายว่า จ่าสิบตำรวจอั้น จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 หรือ 391 และจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310 ด้วยหรือไม่
ศาลฎีกาพิเคราะห์บาดแผลของนายตาตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องแล้ว เห็นว่า นายตาถูกจำเลยที่ 1 เตะทั้งรองเท้า มีบาดแผลช้ำบวมหลายแผล ริมฝีปากแตก และเบ้าตาช้ำบวมเขียว ตาขาวมีรอยช้ำเลือดรักษาหายใน 7 วัน เช่นนี้ถือว่าเกิดอันตรายแก่กายแล้ว จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามฟ้อง ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310 นั้น เห็นว่าเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้จับกุมนายตาผู้เสียหายซึ่งเมาสุรา ประพฤติวุ่นวายครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณะ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 378 ไปที่สถานีตำรวจแล้วนายตาผู้เสียหายร้องเอะอะอาละวาดเตะโน่นเตะนี่ เดินไปเดินมาและจะลงไปจากสถานีตำรวจจำเลยที่ 1 กลัวของของสถานีตำรวจจะเสียหาย จึงขอกุญแจสิบเวรพานายตาเข้าห้องขังไว้จนสว่างรุ่งเช้าเห็นว่านายตาหายเมาสุราแล้ว ก็พานายตาออกมานอกห้องขัง ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ เห็นว่าจำเลยที่ 1 พานายตาผู้เสียหายเข้าห้องขังก็เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยที่สถานีตำรวจแห่งนั้น และเพื่อรักษาความปลอดภัยไม่ให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นายตาหรือหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำให้นายตาปราศจากเสรีภาพในร่างกาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310
พิพากษายืน