คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายจำเลยเข้าใจว่า ได้ยื่นบัญชีระบุพยานแล้ว แต่ความจริงยังไม่ได้ยื่น เพราะหลงลืมไปมิได้ตั้งใจจะกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลย่อมรับบัญชีระบุพยานจำเลยซึ่งยื่นภายหลังได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีนาอยู่ 2 แปลง ราคา 600 บาท ตั้งอยู่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลสินปุน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ มีอาณาเขตตามแผนที่ท้ายฟ้องได้มาโดยการรับมรดก เมื่อต้นปีฤดูทำนาปีนี้ จำเลยได้บุกรุกเข้าไปไถคราดและปักดำต้นข้าวลงในนาของโจทก์ปรากฏตามแผนที่ท้ายฟ้องหมายสีแดง

การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย มิได้ทำนาใน พ.ศ. 2497 ซึ่งโจทก์จะได้ข้าวเปลือกไม่น้อยกว่า 150 ปีบ ปีบละ 10 บาท เป็นเงิน 1,500 บาท

ขอให้ศาลห้ามมิให้จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่นาของโจทก์และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นข้าวเปลือก 150 ปีบ หรือเป็นเงิน 1,500 บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยจะใช้เงินเสร็จ

จำเลยให้การว่า นาพิพาทราคา 1,500 บาท เป็นของจำเลยโดยจำเลยได้บุกเบิกขึ้นเอง ข้าวที่จะได้ไม่เกิน 30 กระสอบเตยเศษราคาไม่เกิน 300-400 บาท

เมื่อเดือน 3-4 พ.ศ. 2495 โจทก์ได้วิวาทแย่งนารายพิพาทจากจำเลย จำเลยไม่ยอม จำเลยคงปกครองต่อมาจนกระทั่งบัดนี้ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแผนที่ท้ายฟ้องไม่ถูกต้อง จำเลยได้เสนอแผนที่ที่ถูกต้องมาพร้อมกับคำให้การของจำเลย

โจทก์จำเลยรับกันว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า และขอให้เจ้าพนักงานไปทำแผนที่วิวาท

ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยได้ยื่นคำแถลงขออนุญาตอ้างพยานเพิ่มเติมอีก 1 ปาก ศาลจังหวัดกะบี่อนุญาต เมื่อสืบพยานโจทก์ไปหมดแล้ว ศาลจังหวัดกะบี่ให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยในวันหลังก่อนถึงวันสืบพยานจำเลย จำเลยได้ยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ทำคำขอให้ศาลหมายเรียกพยานจำเลยมาสืบ ปรากฏว่าบัญชีพยานไม่มีในสำนวนคงมีแต่บัญชีพยานที่อ้างเพิ่มเติม จึงรู้สึกว่ายังไม่ได้ระบุอ้างพยานไว้ ซึ่งความจริงจำเลยเชื่อแน่ใจว่า ได้อ้างพยานไว้เรียบร้อยแล้ว นับว่าเป็นความหลงลืมและหลงเข้าใจผิดไป โดยไม่มีเจตนาประการใด จำเลยขออนุญาตระบุพยานตามบัญชีที่เสนอมาท้ายคำร้อง

ศาลจังหวัดกะบี่เห็นว่า คำร้องของจำเลยได้กล่าวว่า หลงลืมโดยเข้าใจว่าได้ยื่นระบุพยานไว้แล้ว การหลงลืมของจำเลยไม่เป็นเหตุให้ศาลยอมให้ จำเลยทำการฝ่าฝืนกระบวนพิจารณาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่อนุญาต และไม่รับคำขอระบุพยานจำเลย ถือว่าจำเลยไม่มีพยานนำสืบ และวินิจฉัยคำพยานโจทก์ เชื่อว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์พิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 500 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 7 1/2 ต่อปี

จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และข้อที่จำเลยยื่นคำร้องขอระบุพยาน ซึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาต

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์เรื่องนี้เห็นได้ว่าจำเลยมิได้จงใจจะยื่นบัญชีพยานฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบกับคดีมีเหตุควรกรุณาแก่จำเลยที่เชื่อโดยสุจริตว่า ได้ยื่นบัญชีพยานต่อศาลแล้ว และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ควรจะรับฟังพยานหลักฐานของจำเลยต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีพยานจำเลย แล้วดำเนินการสืบพยานจำเลยต่อไป และพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาคดีใหม่

โจทก์ฎีกาเป็นใจความว่า ศาลไม่ควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน เพราะทำให้โจทก์เสียเปรียบไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 คำร้องขอเพิ่มเติมพยานเป็นวิธีการของจำเลย

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีเรื่องนี้แล้ว ในชั้นนี้คงมีปัญหาว่า ศาลควรจะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานได้หรือไม่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 88 วางหลักไว้ว่า ต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วัน ก็จริง แต่มาตรา 87 กล่าวไว้ว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้กรณีนี้ได้ความว่า ทนายจำเลยเข้าใจว่า ได้ยื่นบัญชีระบุพยานแล้วแต่ความจริงหาได้ยื่นไม่ เพราะหลงลืมไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ได้ เป็นความที่ทนายมิได้ตั้งใจที่จะกระทำการฝ่าฝืนต่อตัวบทกฎหมายเลย ดังจะเห็นได้ว่า ต่อมาทนายจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อทราบความหลงลืมของตน และรับผิดโดยชื่นตา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมที่จะบิดพริ้ว ถ้าเป็นวิธีการของจำเลยดังโจทก์ว่า ทนายจำเลยน่าจะระบุพยานในบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมให้มากกว่าหนึ่งคน และควรจะระบุพยานสำคัญ ๆ ของจำเลยด้วยหากว่าจะไม่ให้จำเลยนำพยานเข้าต่อสู้คดี โดยความหลงลืมของจำเลยเช่นนี้แล้ว เท่ากับศาลช่วยให้โจทก์ได้รับประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวไม่คำนึงถึงความเสียหายที่อาจจะมีแก่ฝ่ายจำเลย อันหาใช่วิธีการที่จะประสาทความยุติธรรมแก่คู่ความไม่ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87, 243, 247 ควรรับบัญชีระบุพยานจำเลย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายชั้นศาลฎีกา 100 บาท ให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสีย

Share