แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันตุ้งปลายอันมีลักษณะคล้ายการพนันโปปั่น แต่สืบไม่ปรากฎว่าเป็นการเล่นคล้ายการพนันโปปั่น จึงขาดเหตุอันเป็นองค์ความผิดหรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ปรากฎว่าได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงตามฟ้อง จะลงโทษจำเลยใดๆ ในคดีนั้นไม่ได้ เข้าอยู่ในลักษณะคดี
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 176 ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาด เ ป็นเพียงผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาไปตามคำรับสารภาพได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเล่นการพนันคล้ายโปปั่น ขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.แล้วจะขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันอื่นตาม พ.ร.บ.การพนันฉบับที่ 4 ม.3 อีกไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันกุ้งปลา มีลักษณะคล้ายโปปั่น อันเป็นการพนันประเภทห้ามขาดโดยจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้ามือ จำเลยที่ ๒ เป็นหัวเบี้ยนอกนั้นเป็นลูกค้า ขอให้ลงโทษ
จำเลยที่ ๑,๒ ปฏิเสธ จำเลยที่ ๓ – ๖ รับสารภาพ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ – ๒ เป็นเจ้ามือหัวเบี้ย จึงพิพากษาว่าจำเลยทั้ง ๖ ผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.๒๔๗๘ มาตรา ๖,๑๒ ปรับคนละ ๕๐๐ บาท ลดให้จำเลยที่ ๓ – ๖ คนละกึ่ง คงปรับคนละ ๒๕๐ บาท ฯลฯ
จำเลยที่ ๑,๒,อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยเล่นการพนันกุ้งปลา มีลักษณะคล้ายการพนันโปปั่นอย่างไร พิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง ๖ เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งมีความเห็นแย้งในข้อที่ปล่อยจำเลยที่ ๓ – ๖
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์สืบไม่ปรากฎว่าการพนันกุ้งปลามีลักษณะคล้ายการพนันโปปั่นอย่างไร จึงขาดเหตุอันเป็นองค์ความผิดตามฟ้อง หรืออีกนัยหนึ่งไม่ปรากฎว่า ได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงตามฟ้อง จะเอาโทษแก่จำเลยใดๆไม่ได้ เข้าอยู่ในลักษณะคดี ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๗๖ เป็นเพียงกำหนดวิธีผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง ๑๐ ปีนั้น ถ้าจำเลยรับสารภาพก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาได้ แต่ไม่ใช่เป็นบทบังคับเด็ดขาด
อนึ่งที่โจทก์ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.การพนันฉบับที่ ๔ มาตรา ๓ ด้วยนั้นเห็นขาดตามบัญชี ก.เป็นเรื่องต่างเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกัน จะลงโทษตามมาตรานี้ไม่ได้
จึงพิพากษายืน