แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยเข้าไปสร้างรั้ว ห้องครัว ห้องน้ำในที่ดินของโจทก์เพื่อถือการครอบครองเป็นของตนนั้น ความผิดฐานบุกรุกเกิดขึ้นและสำเร็จเมื่อจำเลยเข้าไป กระทำการดังกล่าว ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุกเท่านั้น หาเป็นความผิด ต่อเนื่องไม่ โจทก์นำสืบได้ความแต่เพียงว่า ก่อนวันที่โจทก์ซื้อที่ดินเป็น เวลาเดือนเศษยังไม่มีการรุกล้ำที่ดินกันหลังจากโจทก์ซื้อแล้วก็ ไม่เคยเข้าไปครอบครองที่ดินเลยเป็นเวลาสองปีเศษจึงทราบว่าจำเลย บุกรุกโจทก์ไม่มีพยานมายืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่ดินเมื่อใดในระหว่างที่เจ้าของเดิมหรือโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ประกอบกับ จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าเข้าไปกระทำการในที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ก่อนโจทก์ ซื้อที่ดินพิพาท กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยอาจบุกรุก เข้ามาก่อนที่โจทก์ซื้อที่ดินมาก็ได้ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้จำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 90, 362, 365
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้องโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365, 83 ลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือนและปรับคนละ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่อาจยืนยันได้ว่า จำเลยทั้งสองได้บุกรุกที่ดินพิพาทเมื่อใด กรณีอาจเป็นไปได้ว่าจำเลยทั้งสองได้บุกรุกที่ดินพิพาทก่อนที่โจทก์จะเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทดังที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ดังนั้น ความผิดฐานบุกรุกได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วเมื่อจำเลยทั้งสองได้เข้าไปกระทำการดังกล่าว ส่วนการครอบครองที่ดินของจำเลยทั้งสองต่อมา เป็นผลของการบุกรุกการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดต่อเนื่องตลอดเท่าที่จำเลยทั้งสองยังถือการครอบครองที่ดินที่บุกรุก จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าความผิดฐานบุกรุกเป็นความผิดต่อเนื่องนั้น เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปสร้างรั้วไม้รวก ห้องครัว และห้องน้ำรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์ก็เพื่อถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ ความผิดฐานบุกรุกจึงได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วเมื่อจำเลยทั้งสองเข้าไปกระทำการดังกล่าว ส่วนการที่จำเลยทั้งสองยังคงครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุกเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดต่อเนื่องดังที่โจทก์ฎีกา ในปัญหาที่ว่าจะลงโทษจำเลยทั้งสองฐานบุกรุกตามฟ้องได้หรือไม่ พยานโจทก์ที่นำสืบคงได้ความแต่เพียงว่า ก่อนนายเดชศักดิ์เจ้าของเดิมขายที่ดินพิพาทให้โจทก์เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2527 เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาท ยังไม่มีการรุกล้ำที่ดินกัน เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาแล้วโจทก์ก็ไม่เคยเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทเลย จนกระทั่งวันที่22 พฤษภาคม 2530 หลังจากโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาแล้วสองปีเศษเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาท จึงทราบว่าจำเลยทั้งสองบุกรุก โดยโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบยืนยันว่า จำเลยทั้งสองได้บุกรุกที่ดินพิพาทเมื่อใดกันแน่ ในขณะที่นายเดชศักดิ์หรือโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่า จำเลยทั้งสองได้สร้างรั้วไม้รวก ห้องครัว และห้องน้ำมาตั้งแต่ก่อนโจทก์ซื้อที่ดินพิพาท หากเป็นดังที่จำเลยทั้งสองต่อสู้ การกระทำของจำเลยทั้งสองก็ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง กรณีมีความสงสัยในเรื่องการกระทำของจำเลยทั้งสองอยู่ ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง คดีลงโทษจำเลยทั้งสองฐานบุกรุกตามฟ้องไม่ได้…”
พิพากษายืน.