แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่2ให้การรับสารภาพตามฟ้องและชั้นอุทธรณ์ก็อุทธรณ์เพียงขอให้รอการลงโทษการที่จำเลยที่2ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยที่2ยังไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297แต่เป็นเพียงความผิดตามมาตรา295เท่านั้นจึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ยุติไปแล้วทั้งยังเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีร่วมกันชกต่อย เตะและใช้ของแข็ง 1 อัน ตีประทุษร้ายถูกบริเวณใบหน้าและลำตัวของนายพูลชัย ภูสนาม ผู้เสียหาย จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (ที่ถูก 297(8)) จำคุกคนละ 6 เดือนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกคนละ 3 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทนคนละ 3 เดือน
จำเลย ที่ 2 อุทธรณ์ ขอให้ รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง มิได้โต้เถียงว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ยังไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ชั้นอุทธรณ์จำเลยที่ 2ก็อุทธรณ์เพียงขอให้รอการลงโทษ ปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยที่ 2ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 หรือไม่จึงยุติไปแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยที่ 2ยังไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297แต่เป็นเพียงความผิดตามมาตรา 295 เท่านั้น จึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพไว้แล้ว ทั้งยังเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายก ศาลฎีกา ของ จำเลย ที่ 2