คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4337/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขนจับกุม ว. ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่งเป็นของกลาง จึงได้วางแผนให้ ว. โทรศัพท์สั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยและ ป. อีก จนจับกุมจำเลยและ ป. ได้ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ กรณีจึงเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องเกี่ยวพันกันทั้งในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขนซึ่งเป็นท้องที่ที่ ว. โทรศัพท์ล่อซื้อและสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ซึ่งเป็นท้องที่ที่จับกุมจำเลยและ ป. พนักงานสอบสวนท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องจึงมีอำนาจสอบสวน ดังนั้น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขนจึงมีอำนาจสอบสวนได้โดยชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 19 วรรคหนึ่ง (3) การสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1,500,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือนและปรับ 1,000,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และรองเท้าแตะของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีประจักษ์พยานมาสืบ 2 ปาก คือร้อยตำรวจเอกจักรวิน และจ่าสิบตำรวจกิติวร ซึ่งเป็นผู้จับกุมตัวจำเลยและนายวังเปา เบิกความยืนยันว่า เมื่อถึงเวลานัดจำเลยเดินถือกล่องกระดาษ 1 กล่อง เข้าไปโทรศัพท์ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ สักครู่นายวังเปาก็เดินเข้าไปหาจำเลยตู้โทรศัพท์และช่วยกันยกกล่องกระดาษดังกล่าว พยานทั้งสองกับพวกจึงเข้าจับกุมจำเลยและนายวังเปา จากการตรวจค้นกล่องกระดาษพบรองเท้าแตะพื้นหนาประมาณ 1 นิ้ว จำนวน 22 ข้าง มีเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นรองเท้าจำนวน 20 ข้าง ข้างละ 5 ถุง ถุงละ 200 เม็ด นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 1 เครื่อง ที่ตัวนายวังเปา และบัตรโดยสารรถประจำทางจำนวน 2 ฉบับ ที่จำเลยและนายวังเปาใช้เดินทางจากจังหวัดเชียงราย จึงยึดเป็นของกลาง ทั้งพยานโจทก์ดังกล่าวก็เบิกความได้สอดคล้องต้องกันในข้อสาระสำคัญและมีเหตุผลติดต่อเชื่อมโยงกันมาเป็นลำดับ มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าเป็นเพราะจำเลยถูกจับกุมโดยกะทันหันพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนถึง 20,000 เม็ด โดยเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นรองเท้าจำนวน 20 ข้าง ข้างละ 5 ถุง ถุงละ 200 เม็ด เป็นหลักฐานยืนยันความผิดของจำเลย จำเลยยังไม่มีโอกาสหาข้อแก้ตัวได้ทันในขณะนั้น จึงต้องให้การรับสารภาพไปตามความสัตย์จริง นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า คดีนี้มีการวางแผนให้นายวิเชียร โทรศัพท์ไปสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายวังเปาจนกระทั่งมีการจับกุมนายวังเปาและจำเลยได้ เหตุที่มีการจับกุมครั้งนี้ก็เนื่องมาจากการสืบสวนขยายผลในคดีที่จับกุมนายวิเชียรได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด ซึ่งนายวิเชียรให้การซัดทอดว่าได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายวังเปา จำเลยเดินทางออกจากจังหวัดเชียงรายโดยรถโดยสารของบริษัท บ.ข.ส. จำกัด เมื่อเวลา 16 นาฬิกา ส่วนนายวังเปาเดินทางออกจากจังหวัดเชียงรายโดยรถโดยสารของบริษัทสมบัติทัวร์ จำกัด เมื่อเวลา 17 นาฬิกา เป็นเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อมาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตกรุงเทพมหานครแล้ว ร้อยตำรวจเอกจักรวินและจ่าสิบตำรวจกิติวรยืนยันว่าเห็นจำเลยโทรศัพท์และนายวังเปาเดินไปพบจำเลยที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ทำให้จับกุมจำเลยและนายวังเปาได้พร้อมกัน ประกอบกับชั้นสอบสวนจำเลยก็ยังคงให้การรับสารภาพว่า นายวังเปาว่าจ้างให้จำเลยขนเมทแอมเฟตามีนของกลางมาส่งให้ลูกค้าของนายวังเปาที่กรุงเทพมหานคร โดยได้ค่าจ้างจำนวน 6,000 บาท ตามบันทึกการจับกุม บันทึกรับสารภาพและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา ที่จำเลยนำสืบอ้างว่า จำเลยนั่งรถโดยสารประจำทางจากจังหวัดเชียงรายเพื่อมาเยี่ยมบุตรสาว เมื่อมาถึงได้โทรศัพท์เพื่อนัดให้บุตรสาวมารับ ขณะที่นั่งรอบุตรสาวก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนั้น เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอยๆ ไม่ได้นำบุตรสาวมาเป็นพยานหรือมีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนันสนุน จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ พฤติการณ์รับฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจะนำมาจำหน่ายให้แก่นายวิเชียรตามที่โจทก์นำสืบนั่นเอง จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาอีกประการหนึ่งว่า จำเลยถูกจับในเขตสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขนไม่มีอำนาจสอบสวน การสอบสวนจึงไม่ชอบ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า ดังได้วินิจฉัยแล้วว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คดีนี้ได้พบการกระทำความผิดของนายวิเชียรก่อน จึงมีการขยายผลสืบสวนและมีการวางแผนให้นายวิเชียรโทรศัพท์ไปสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายวังเปาอีก จนกระทั่งมีการจับกุมนายวังเปาและจำเลยได้ในเวลาต่อเนื่องกัน เหตุจับกุมครั้งนี้ก็เนื่องมาจากการสืบสวนขยายผลในคดีที่จับกุมนายวิเชียรได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด ซึ่งนายวิเชียรให้การซัดทอดว่าได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากนายวังเปา กรณีจึงเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ทั้งในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน ซึ่งเป็นท้องที่โทรศัพท์ติดต่อล่อซื้อและสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อซึ่งเป็นท้องที่ที่จับกุมจำเลยกับพวกได้ พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวนได้ ดังนั้น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขน จึงมีอำนาจสอบสวนได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 (3) การสอบสวนเป็นไปโดยชอบ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
อนึ่ง ศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลย โดยกำหนดว่าหากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แต่มิได้ระบุให้กักขังเกิน 1 ปีหรือไม่ มีกำหนดเท่าใด และศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไขในส่วนนี้ เช่นนี้ จะกักขังแทนค่าปรับเกินกำหนด 1 ปี ไม่ได้ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษายืน หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนไม่เกิน 1 ปี

Share