แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยและตั้งจำเลยเป็นผู้ทำแผนแล้วย่อมมีผลต่อการดำเนินคดีแพ่งแก่ลูกหนี้โดยต้องบังคับตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (4) ได้ความเพียงว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยหลังวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เท่านั้น จึงต้องด้วยกรณีที่ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งซึ่งลูกหนี้ในคดีขอฟื้นฟูกิจการถูกฟ้องเป็นจำเลยไว้แล้วต้องงดการพิจารณาไว้ อันได้แก่การรอหรือหยุดการพิจารณาคดีนั้นไว้ก่อนจนกว่าจะถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผน หรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอ หรือจำหน่ายคดีหรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ หรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด มิใช่กรณีที่จะถือว่าจะไม่ต้องดำเนินคดีนี้ต่อไปอีกเสียทีเดียว ชอบที่จะปฏิบัติไปตามบทกฎหมายดังกล่าวโดยมีคำสั่งให้งดการพิจารณาไว้ ไม่สมควรที่จะสั่งจำหน่ายคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 และนอกจากที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะให้จำหน่ายคดีแล้ว ยังสั่งคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดและโจทก์ได้รับคืนไปแล้วด้วย ดังนั้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคำสั่งใหม่ซึ่งไม่ทำให้คดีเสร็จไป โจทก์จึงต้องนำเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนที่รับคืนไปมาชำระต่อศาล และในระหว่างงดการพิจารณาคดีอาจมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการ อันมีผลทำให้ต้องยกคดีแพ่งขึ้นพิจารณาต่อไปได้ จึงให้โจทก์ไปแถลงความคืบหน้าต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทุก 6 เดือน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าทั้งจากประเทศไทยไปยังต่างประเทศ และจากต่างประเทศมายังประเทศไทย ซึ่งจำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ดำเนินการหลายครั้งพร้อมดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 822,608.05 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 809,842.33 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำแถลงว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยแล้ว ขอให้จำหน่ายคดี
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีชอบหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพียงชั่วคราวเท่านั้น ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนว่าศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยและตั้งจำเลยเป็นผู้ทำแผน ตามคำแถลงของจำเลยฉบับลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 และสำเนาคำสั่งของศาลล้มละลายกลางในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.18/2553 หมายเลขแดงที่ ฟ.42/2553 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 ท้ายคำแถลง เห็นว่า เมื่อมีการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้แล้ว ย่อมมีผลต่อการดำเนินคดีแพ่งแก่ลูกหนี้โดยต้องบังคับตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งในมาตรา 90/12 (4) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า “ห้ามมิให้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือเสนอข้อพิพาทที่ลูกหนี้อาจต้องรับผิดหรือได้รับความเสียหายให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ถ้ามูลแห่งหนี้นั้นเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและห้ามมิให้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลาย ในกรณีที่มีการฟ้องคดีหรือเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดไว้ก่อนแล้ว ให้งดการพิจารณาไว้ เว้นแต่ศาลที่รับคำร้องขอจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น” เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีนี้ได้ความเพียงว่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยหลังวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เท่านั้น จึงต้องด้วยกรณีที่ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งซึ่งลูกหนี้ในคดีขอฟื้นฟูกิจการถูกฟ้องเป็นจำเลยไว้แล้วต้องงดการพิจารณาไว้อันได้แก่การรอหรือหยุดการพิจารณาคดีนั้นไว้ก่อน จนกว่าถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผน หรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอ หรือจำหน่ายคดีหรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ หรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ยังมิใช่กรณีที่จะถือว่าจะไม่ต้องดำเนินคดีนี้ต่อไปอีกเสียทีเดียว จึงชอบที่จะปฏิบัติไปตามบทกฎหมายดังกล่าวโดยมีคำสั่งให้งดการพิจารณาไว้ ยังไม่สมควรที่จะสั่งจำหน่ายคดี ดังนั้น การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความให้คดีเสร็จไปจากศาล ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วยและสมควรแก้ไข อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ตามสำนวนปรากฏด้วยว่า ตามคำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง นอกจากจะให้จำหน่ายคดีแล้วยังสั่งคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดด้วยและโจทก์ได้รับคืนไปแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคำสั่งใหม่ ซึ่งไม่ทำให้คดีเสร็จไปแล้ว โจทก์ต้องนำเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนที่รับคืนไปมาชำระต่อศาลด้วย และในระหว่างงดการพิจารณาคดี อาจมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการ อันมีผลทำให้จำเป็นต้องยกคดีแพ่งขึ้นพิจารณาต่อไป ให้โจทก์ไปแถลงความคืบหน้าต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทุก 6 เดือน เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้งดการพิจารณาคดีไว้และให้จำหน่ายคดีชั่วคราว จนกว่าจะมีเหตุให้ดำเนินคดีนี้ต่อไปได้ตามกฎหมายและโจทก์ร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป แต่ในระหว่างนี้ให้โจทก์ไปแถลงความคืบหน้าต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทุก 6 เดือน เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี ให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลในคดีนี้ตามจำนวนที่รับคืนไปมาชำระต่อศาลภายในกำหนดเวลาที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนด ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ