แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะมีแผ่นวีดีโอซีดี แผ่นซีดี และแผ่นซีดีรอมของกลางไว้เพื่อขายและเสนอขายตามฟ้องข้อ (ก) และประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ตามฟ้องข้อ (ข) ในคราวเดียวกัน แต่การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ (ก) และข้อ (ข) ก็เป็นการกระทำโดยอาศัยเจตนาที่แยกต่างหากจากกันและเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกัน จึงเป็นความผิดสองกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
(ก) จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทดนตรีกรรม สิ่งบันทึกเสียงโสตทัศนวัสดุ วรรณกรรมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ของผู้เสียหายทั้งสิบสี่ โดยการนำเอาแผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะ ซีดีเพลง ซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี ๓ ซีดีรอมเพลงเอ็มพี ๓ และแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บันทึกงานของผู้เสียหายทั้งสิบสี่ ตามเอกสารท้ายฟ้อง ซึ่งมีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสิบสี่ รวมจำนวน ๔๐๙ แผ่น ออกขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขาย แก่บุคคลทั่วไป อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้า โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะ ซีดีเพลง ซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี ๓ ซีดีรอมเพลงเอ็มพี ๓ และแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดังกล่าว เป็นงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสิบสี่ และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายทั้งสิบสี่
(ข) จำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายแผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะ ซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี ๓ ซีดีรอมเพลงเอ็มพี ๓ และแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อันเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจอยู่ที่ร้านยูเรก้า แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และได้ประโยชน์ตอบแทนจากราคาจำหน่ายวิดีโอเทปดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔, ๖, ๘, ๑๕, ๒๗, ๒๘, ๓๐, ๓๑, ๖๑, ๖๙, ๗๐, ๗๓, ๗๕, ๗๖ พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๔, ๖, ๓๔ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓, ๑๔, ๓๐, ๓๑, ๕๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘, ๙๑ โดยขอให้วางโทษเป็นสองเท่าและ บวกโทษจำคุก ๖ เดือน ของจำเลยในคดีอาญาคดีก่อน ให้แผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะ
ของกลาง ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๑ (ที่ถูก ๓๑ (๑)) , ๗๐ วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง, ๓๔ ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ (ก) และข้อ (ข) แม้จำเลยจะมีแผ่นวิดีโอซีดี แผ่นซีดีและแผ่นซีดีรอมของกลางไว้เพื่อขายและเสนอขายตามฟ้องข้อ (ก) และประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ตามฟ้องข้อ (ข) ในคราวเดียวกันดังที่จำเลยอุทธรณ์ แต่การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ (ก) และข้อ (ข) ก็เป็นการกระทำโดยอาศัยเจตนาที่แยกต่างหากจากกันและเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมดังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัย และความผิดตามฟ้องข้อ (ก) ศาลจำต้องปรับบทพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๐ วรรคสอง มาด้วยเพราะเป็นบทระวางโทษของมาตรา ๓๑ (๑)
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดตามฟ้องข้อ (ก) จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๑ (๑), ๗๐ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๗๓ ให้จำคุก ๑ ปี และปรับ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนความผิดตามฟ้องข้อ (ข) จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง, ๓๔ ให้ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมจำคุก ๑ ปี และปรับ ๒๑๐,๐๐๐ บาท เมื่อลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๑๐๕,๐๐๐ บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ตามกำหนดระยะเวลาเดิม และให้ยก คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในส่วนที่ให้ริบสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง