คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ยื่นฟ้อง นายประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยซึ่งได้ประกันตัวไปต่อศาลศาลชั้นต้นสั่งปรับเต็มตามสัญญาประกัน นายประกันอุทธรณ์ขอให้ระงับการสั่งปรับไว้ก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนายประกันฎีกาต่อมาและขอลดค่าปรับ เมื่อปรากฏว่าหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งปรับแล้ว นายประกันได้เสียค่าใช้จ่ายขวนขวายติดตามจับตัวจำเลยมาส่งศาลได้ ศาลฎีกาย่อมยกเป็นเหตุประกอบการพิจารณาลดค่าปรับให้นายประกันได้ (ไม่จำต้องย้อนไปให้ศาลล่างพิจารณาข้อนี้เสียก่อน)

ย่อยาว

มูลกรณีเรื่องนี้เนื่องมาจากนางสาวเจริญสุข วุฒากร นายประกันได้รับอนุญาตจากศาลให้ประกันตัวจำเลยที่ ๒ โดยมีหลักประกันซึ่งถ้าผิดสัญญายอมใช้เบี้ยปรับแก่ศาลเป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท ต่อมาพนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลย นายประกันยื่นคำร้องขอผัดส่งตัวจำเลยที่ ๒ ศาลอนุญาต ถึงกำหนดนายประกันยื่นคำร้องขอผัดการส่งตัวจำเลยที่ ๒ ไปอีก ๓๐ วัน ศาลไม่อนุญาต โดยไม่เชื่อว่าป่วยตามคำร้องและถือว่านายประกันผิดสัญญา สั่งปรับนายประกันเป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท
นายประกันอุทธรณ์คำสั่ง ขอให้ระงับการสั่งปรับไว้เป็นการชั่วคราว และอนุญาตให้นายประกันติดตามนำตัวจำเลยมาส่งศาล
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายประกันฎีกาต่อมา และขอลดค่าปรับ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นสั่งปรับนายประกันชอบแล้ว ส่วนในปัญหาว่านางสาวเจริญสุข วุฒากร นายประกันจะฎีกาขอให้ลดเบี้ยปรับลงจากเดิมได้อีกหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังได้เป็นยุติว่านายประกันผิดสัญญาประกันข้อ ๒ เพราะไม่ส่งจำเลยที่ ๒ ต่อศาลตามนัดแต่หลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งปรับนายประกันฐานผิดสัญญาประกันแล้ว นายประกันได้ขวนขวายติดตามจับจำเลยที่ ๒ มาส่งศาลได้ในเวลาเพียง ๓ เดือนเศษ ต้องเสียค่าใช้จ่ายติดตามไปในที่ต่าง ๆ หลายแห่ง ที่ได้ข่าวว่าจำเลยหลบหนีไปซ่อนอยู่ กับยังต้องให้ค่ารางวัลผู้ชี้ช่องจับจำเลยอีกด้วย ซึ่งน่าเชื่อว่านายประกันคงได้ใช้จ่ายเงินจำนวนไม่น้อยในการติดตามจับจำเลยจริง และบัดนี้จำเลยที่ ๒ ซึ่งถูกฟ้องก็ให้การรับสารภาพศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว เมื่อความปรากฏเช่นนี้ศาลฎีกาย่อมใช้เป็นเหตุประกอบการพิจารณาลดค่าปรับให้แก่นายประกันได้ และเห็นสมควรลดค่าปรับให้แก่นายประกันตามฎีกาขึ้นมา
พิพากษาแก้ เป็นให้ปรับนายประกันฐานผิดสัญญาเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท

Share