แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์อันเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แต่เมื่อผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งสี่ ผู้คัดค้านที่ 1 เพียงแต่อนุญาตให้ผู้ร้องอยู่อาศัย กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งเปลี่ยนเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ มิใช่คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้อีกต่อไป เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทหรือทุนทรัพย์ของคดีไม่เกินสามแสนบาท คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพาทตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบ 25 (4) ศาลจังหวัดไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 18
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายจันทาและนางพาน ก้อนชัยภูมิ เมื่อประมาณ 54 ปีมาแล้ว นายจันทาซื้อที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 3089 หมู่ที่ 18 ตำบลดอนคา อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี มาจากนางครอบ บุญดอนคา เนื้อที่ประมาณ 2 งาน 88 ตารางวา โดยนางครอบได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินดังกล่าวให้แก่นายจันทา นายจันทาครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จนกระทั่งถึงแก่ความตายเมื่อปี 2513 หลังจากนั้นนางพานได้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ต่อมา เมื่อ 10 ปีเศษมาแล้ว นางพานได้ยกที่ดินดังกล่าวพร้อมบ้านให้แก่ผู้ร้องผู้ร้องเข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว เฉพาะส่วนในกรอบสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายคำร้องขอจำนวนเนื้อที่ 2 งาน 88 ตารางวา โดยการครอบครองตามกฎหมาย
ผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำค้ดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของนางครอบ ต่อมานางครอบได้จดทะเบียนยกให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรเขยของนางครอบ และเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 ผู้คัดค้านที่ 1 จดทะเบียนยกให้ที่ดินบางส่วนแก่ผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรชาย บุตรสาว และบุตรเขยของผู้คัดค้านที่ 1 นางครอบไม่เคยขายที่ดินพิพาทให้แก่นายจันทา นางครอบเพียงแต่อนุญาตให้นายจันทาซึ่งเป็นหลานของตนเข้าไปอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทเท่านั้น เมื่อนางครอบยกที่ดินให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ผู้คัดค้านที่ 1 ก็ยังคงให้ผู้ร้องอาศัยต่อไป ผู้ร้องไม่เคยแสดงเจตนาว่าจะยึดถือเพื่อตน ขอให้ยกคำร้องขอ
ระหว่างพิจารณาศาลจังหวัดสุพรรณบุรีให้คู่ความตรวจสอบราคาประเมินที่ดินพิพาทเพื่อกำหนดค่าขึ้นศาล ต่อมาคู่ความแถลงร่วมกันว่าที่ดินพิพาทมีราคาประเมินไร่ละ 40,000 บาท ที่ดินพิพาทมีเนื้อที่ 2 งาน 88 ตารางวา จึงคิดเป็นทุนทรัพย์ 28,800 บาท
ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีเห็นว่า ผู้คัดค้านทั้งสี่ให้การโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทว่าเป็นของผู้คัดค้านทั้งสี่ คดีจึงเปลี่ยนเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เมื่อราคาทรัพย์สินที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทุนทรัพย์ของคดีเป็นเงิน 28,800 บาท คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี แต่อยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้น (ศาลแขวงสุพรรณบุรี) จึงมีคำสั่งให้โอนคดีไปยังศาลชั้นต้นตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 16 วรรคท้าย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเริ่มต้นคดีเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โดยขอแสดงกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงแม้ภายหลังจะมีผู้คัดค้านก็เป็นการคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะเป็นเพียงผู้อาศัย ไม่ได้แย่งการครอบครอง ประเด็นแห่งคดียังคงเป็นเช่นเดิมและไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวง จึงไม่รับโอนคดี
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ อันเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แต่เมื่อผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งสี่ ผู้คัดค้านที่ 1 เพียงแต่อนุญาตให้ผู้ร้องอยู่อาศัยกรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งเปลี่ยนเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ มิใช่คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้อีกต่อไป เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทหรือทุนทรัพย์ของคดีไม่เกินสามแสนบาท คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (4) ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 18 การที่ศาลชั้นต้นไม่รับโอนคดีนี้จากศาลจังหวัดสุพรรณบุรีจึงเป็นการไม่ชอบ อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับโอนคดีนี้จากศาลจังหวัดสุพรรณบุรีไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ