คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินแล้วไม่ชำระ เป็นหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยโจทก์แล้วจำเลยทำเอกสารฉบับหนึ่งรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยดังกล่าวพร้อมทั้งตกลงจะสละสิทธิครอบครองที่ดินนาและที่ดินบ้านให้โจทก์แทน แล้วจำเลยไม่ยอมให้ตามข้อตกลง จึงฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินกู้ แต่เอกสารรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยมีข้อตกลงไว้ชัดเจนระหว่างโจทก์จำเลยว่า จำเลยไม่มีเงินใช้หนี้จึงได้ยกนาและบ้านใช้แทน และในตอนสุดท้ายมีความว่าถ้าจำเลยปกครองที่ดินแปลงนี้เวลาใดให้โจทก์นำใบมอบนี้ไปฟ้องต่อศาลขอให้ตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คือว่าเอกสารหนังสือนี้เป็นการแปลงหนี้ตาม ป.พ.พ.ม.349 จะนำเอกสารฉบับนี้มาฟ้องเรียกหนี้เดิมย่อมไม่ได้ เพราะ ก.ม. ถือว่าหนี้เดิมระงับไปแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเรียกหนี้เงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยเงินกู้จากจำเลย ++++++ บาท โดยว่าจำเลยทำหลักฐานรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยจำนวนนี้ทั้งจำเลยตกลงจะสละสิทธิครอบครองที่ดินนาและที่ดินบ้านให้โจทก์แทน ครั้นแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่ยอมออกจากที่ดิน โจทก์ไม่ประสงค์จะเอาที่ดินดังกล่าว จึงได้ทวงเตือนให้จำเลยชำระหนี้รายนี้ จำเลยไม่ยอมชำระให้ โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนเงินต้นและดอกเบี้ยค่าเสียหาย ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยให้การว่าเคยกู้เงินโจทก์จริง แต่ได้ชำระให้เรียบร้อยแล้ว จำเลยไม่เคยกู้เงินตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง ไม่เคยทำหลักฐานทั้งไม่เคยตกลงสละสิทธิครอบครองที่ดินให้โจทก์ สัญญาโจทก์และสำเนาท้ายฟ้องเป็นสัญญาปลอมทั้งฉบับ ความจริงจำเลยรับเงินของโจทก์ไป ๑,๒๐๐ บาทเท่านั้น ในการรับเงินจำนวนนี้โจทก์จดหมายบันทึกไว้เพียงวันเดือนปีที่จำเลยเอาเงินไปกับให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้ ข้อความอย่างอื่นไม่มี ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยทวงเตือน ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยไม่เชื่อว่าจำเลยทำเอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งโจทก์นำมาฟ้อง พิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมาอีก
ศาลฎีกาปรึกษาแล้วเห็นว่าแม้จำเลยจะเป็นหนี้โจทก์อยู่อีก ๑๑,๐๐๐ บาทจริง แต่เอกสาร จ.๑ ที่โจทก์อ้างฟ้องก็เป็นหนังสือแปลงหนี้ตาม ป.พ.พ.ม.๓๔๙ เพราะมีข้อตกลงไว้ชัดเจนระหว่างโจทก์จำเลยว่า จำเลยไม่มีเงินใช้หนี้ จึงได้ยกนาและบ้านใช้แทน และในตอนสุดท้ายมีว่า ถ้าจำเลยเข้าปกครองที่ดินแปลงนี้เวลาใด ให้โจทก์นำใบมอบนี้ไปฟ้องร้องต่อศาลขอให้ศาลตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้ในข้อผิดสัญญา
ฉะนั้นโจทก์จะนำเอกสารฉบับหมาย จ.๑ นี้มาฟ้องเรียกหนี้เดิมจำนวน ๑๒,๐๐๐ บาทย่อมไม่ได้ เพราะก.ม.ถือว่าหนี้เดิมระงับไปแล้วตาม ป.พ.พ.ม.๓๔๙ ที่กล่าวข้างต้น
ส่วนการที่ศาลล่างทั้งสองไม่เชื่อว่าจำเลย+++หนังสือหมาย จ.๑ ให้ยกฟ้องโจทก์นั้นจะมีเค้ามูลเพียงใด ก็เป็นเรื่องนอกประเด็น ศาลนี้จึงไม่วินิจฉัยถึง เหตุนี้จึงพิพากษายืน.

Share