คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4318/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาผู้ร้องถึงแก่ความตายหลังเจ้ามรดก เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการแบ่งปันทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกขณะที่บิดาผู้ร้องมีชีวิตอยู่แต่อย่างใด ทรัพย์มรดกในส่วนที่ตกได้แก่บิดาผู้ร้องย่อมตกแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งด้วย ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกอันจะขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายดวง จำปาโทนายดวง เป็นบุตรของนายแดง จำปาโท นายแดงถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้ หลังจากนายแดงถึงแก่ความตายแล้วนายดวงซึ่งเป็นบุตรของนายแดงและเป็นบิดาของผู้ร้องถึงแก่ความตาย ผู้ร้องขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายแดงผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายแดง มีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการมรดกได้ ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนายแดงผู้ตายแต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายแดง จำปาโท ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ยกคำร้อง(ที่ถูกคือคำคัดค้าน) ของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องเสียด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามที่ผู้ร้องฎีกาเพียงว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของนายแดงผู้ตายและไม่ต้องห้ามที่จะเป็นผู้จัดการมรดกชอบที่ศาลจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายแดงหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายแดงผู้ตายมีบุตร 3 คน คือ นายดวง จำปาโท บิดาผู้ร้องผู้คัดค้านและนายสมัย จำปาโท นายแดงถึงแก่ความตายก่อนนายดวงบิดาผู้ร้องโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้นายดวงบิดาผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกของนายแดงผู้ตาย ต่อมานายดวงบิดาผู้ร้องถึงแก่ความตาย โดยยังไม่มีการแบ่งปันมรดกของนายแดงผู้ตาย ทรัพย์มรดกของนายแดงผู้ตายในส่วนที่ตกได้แก่นายดวงย่อมเป็นทรัพย์มรดกของนายดวงบิดาผู้ร้องและตกได้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งของนายดวง ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของนายแดงผู้ตาย เมื่อผู้ร้องมีคุณสมบัติไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 และมีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกของนายแดงผู้ตาย จึงสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายแดงผู้ตาย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share